ลองนึกภาพว่าคุณกำลังเปิดรับสมัครงานใหม่ คุณคงไม่จ้างนักบัญชีมาดูแลกลยุทธ์ SEO หรือจ้างนักเขียนคอนเทนต์ให้มาสร้างระบบเทคโนโลยีใหม่ แต่คุณจะใช้ความเข้าใจในทักษะอาชีพที่จำเป็นเพื่อหาคนที่ตรงกับความต้องการของคุณ
การเลือกเครื่องมือ AI สำหรับอีคอมเมิร์ซก็เช่นเดียวกัน คุณสามารถใช้แนวคิดเดียวกันนี้มาช่วยตัดสินใจได้เช่นกัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักฟีเจอร์ ค่าใช้จ่าย และการใช้งานด้านอีคอมเมิร์ซของเครื่องมือ AI ชั้นนำ พร้อมเคล็ดลับในการเลือกเครื่องมือ AI ที่เหมาะกับธุรกิจออนไลน์ของคุณ
ข้อดีของการใช้ AI eCommerce
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงสามารถช่วยเจ้าของธุรกิจประหยัดเวลา ลดต้นทุน และเพิ่มยอดขายได้ มาดูกันว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: เครื่องมือ AI สามารถช่วยสร้างคอนเทนต์ ทำวิจัยกลุ่มเป้าหมายและตลาด อัตโนมัติขั้นตอนงานซ้ำ ๆ และดูแลการโต้ตอบกับลูกค้าในบางส่วน ทำให้คุณมีเวลาไปโฟกัสกับการขยายธุรกิจได้มากขึ้น
- ยกระดับประสิทธิภาพการตลาด: เครื่องมือการตลาด AI สามารถนำข้อมูลด้านประชากรศาสตร์และพฤติกรรมผู้บริโภคมาวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งปรับแต่งข้อความการตลาดให้ตรงกับความชอบของลูกค้าแต่ละคน
- ประสบการณ์ลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น: เครื่องมือ AI สามารถวิเคราะห์รีวิวจากลูกค้าเพื่อช่วยให้คุณจัดการกับคำติชมเชิงลบได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือยกระดับการบริการลูกค้าด้วยการให้การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
- ความปลอดภัยที่มากขึ้น: เครื่องมือ AI สามารถตรวจจับการฉ้อโกง ยืนยันการชำระเงินออนไลน์ และช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ปกป้องข้อมูลธุรกิจของคุณและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
เครื่องมือ AI eCommerce
เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถสนับสนุนการทำงานที่หลากหลายของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่การปรับราคาให้เหมาะสมไปจนถึงการตัดต่อวิดีโอ มาดูภาพรวมของเครื่องมือยอดนิยมที่เจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซนิยมใช้กันเลย
ChatGPT
แชตบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI eCommerce อย่าง ChatGPT จาก OpenAI สามารถช่วยตอบโจทย์ด้านคอนเทนต์ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนรายละเอียดสินค้า บทความ บทความโซเชียลมีเดีย หรืออีเมลการตลาด นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อทำวิจัยการตลาด ระดมไอเดียคอนเทนต์ ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง ปรับคอนเทนต์ให้เหมาะกับการค้นหา หรือแม้แต่ตรวจแก้ข้อความที่มีอยู่แล้วได้อีกด้วย
OpenAI มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสียเงินให้เลือกใช้ โดยเวอร์ชันฟรีทำงานบนโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) GPT-4o mini และสามารถเข้าถึง GPT-4o ได้แบบจำกัด ส่วนแผน Plus จะให้การเข้าถึง GPT-4o ได้มากขึ้น พร้อมสิทธิ์ใช้งานโมเดลตระกูล o1 และยังมีฟีเจอร์เสริมอย่างการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกสำหรับทีมการตลาด รวมถึงการท่องเว็บเพื่อค้นหาข้อมูลที่อัปเดตแบบเรียลไทม์ ปัจจุบันทุกเวอร์ชันยังสามารถใช้งาน DALL-E 3 เพื่อสร้างรูปภาพได้อีกด้วย
การใช้งาน: เขียนคอนเทนต์ งานวิจัย
ฟีเจอร์:
- ความสามารถในการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP)
- การสร้างคอนเทนต์ การตรวจสอบ การแก้ไข และการแปล
- ฟังก์ชันการวิจัยตลาดและคำหลัก
ราคา:
- แผนฟรีมีให้บริการ
- Plus: ประมาณ 640 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน
- Pro: ประมาณ 6,400 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน
- Enterprise: ติดต่อสอบถามราคาแบบปรับตามความต้องการ
Shopify Magic
Shopify Magic คือชุดเครื่องมือสำหรับผู้ใช้งาน Shopify ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการเกือบทุกองค์ประกอบที่ลูกค้าเห็นในร้านค้าออนไลน์ คุณสามารถใช้เครื่องมือตกแต่งรูปภาพเพื่อเปลี่ยนฉากหลังของภาพสินค้าได้อย่างง่ายดาย ใช้เครื่องมือสร้างคอนเทนต์เพื่อเขียนรายละเอียดสินค้าที่เป็นมิตรต่อ SEO และสร้างคำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อย (FAQ) ได้โดยอัตโนมัติ ล่าสุด Shopify Magic ยังเพิ่มเครื่องมือใหม่ที่ชื่อว่า Sidekick ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับผู้ใช้งาน Shopify โดยจะช่วยดึงข้อมูลประสิทธิภาพร้านค้า ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซ และช่วยระดมไอเดียใหม่ ๆ พร้อมให้การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง
เครื่องมือทั้งหมดนี้ใช้งานได้ฟรีสำหรับผู้ขายบน Shopify ทุกคน ไม่ว่าคุณจะอยู่ในแผนการสมัครสมาชิกแบบใดก็ตาม
การใช้งาน: การจัดตารางอีเมล การแก้ไขภาพ และการสร้างเนื้อหา
ฟีเจอร์:
- การสร้างคำอธิบายผลิตภัณฑ์
- การจัดตารางอีเมลที่เหมาะสม
- เนื้อหาที่แนะนำสำหรับ FAQ
- การสนับสนุนจากแชทบอท
ราคา:
- ฟรีสำหรับผู้ค้า Shopify ทุกคน
ClickUp
ClickUp เป็นเครื่องมือที่แบรนด์อีคอมเมิร์ซใช้เพื่อปรับปรุงเวิร์กโฟลว์และการจัดการโครงการ มีฟีเจอร์อัตโนมัติสำหรับงานต่าง ๆ เช่น การอัปเดตสถานะโครงการ ลำดับความสำคัญ และการมอบหมายงาน นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทมเพลตโครงการเฉพาะสำหรับอีคอมเมิร์ซ เช่น เทมเพลตแผนโครงการและเทมเพลตแผนการตลาดเว็บไซต์ คุณสามารถเพิ่มเครื่องมือเขียนด้วย AI ของ ClickUp (ClickUp AI) ในแผนชำระเงินใดก็ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 240 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน
การใช้งาน: การจัดการโปรเจ็กต์
ฟีเจอร์:
- มุมมองโครงการที่ปรับแต่งได้
- การสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
- ฟังก์ชันแชทผู้ดูแลระบบในตัว
ราคา:
- แผนฟรีมีให้บริการ
- Unlimited: ประมาณ 238 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน
- Business: ประมาณ 408 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน
- Enterprise: ติดต่อสอบถามราคาแบบปรับตามความต้องการ
Bazaarvoice
Bazaarvoice เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ขับเคลื่อนด้วย AI eCommerce ออกแบบมาเพื่อช่วยเจ้าของร้านค้าออนไลน์เพิ่มยอดขาย ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อประเมินความน่าจะเป็นที่ลูกค้าจะซื้อสินค้า กำหนดข้อความทางการขายและการตลาดที่เหมาะสมที่สุด และส่งข้อความส่วนบุคคล คำแนะนำสินค้า หรือข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าแต่ละคน
Bazaarvoice ไม่ได้เปิดเผยโครงสร้างราคาที่ชัดเจน คุณสามารถติดต่อทีม Bazaarvoice เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้
การใช้งาน: การเพิ่มประสิทธิภาพคอนเวอร์ชันและรายได้พร้อมปรับแต่งการตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
ฟีเจอร์:
- การปรับแต่งแบบไดนามิก
- การขุดข้อมูลและการวิเคราะห์
- การเพิ่มประสิทธิภาพข้อความการตลาดแบบเรียลไทม์
- การทดสอบ A/B
- การรายงานอัตโนมัติ
ราคา:
- ติดต่อทีม
Runway
ซอฟต์แวร์ AI อย่าง Runway ช่วยเจ้าของธุรกิจสร้างและแก้ไขวิดีโอคอนเทนต์ คุณสามารถสร้างวิดีโอต้นฉบับจากข้อความ รูปภาพ หรือไฟล์เสียง และใช้ฟังก์ชันการแก้ไขของเครื่องมือเพื่อปรับสไตล์วิดีโอ หรือลบและเพิ่มวัตถุต่าง ๆ ลองใช้ Runway เพื่อสร้างวิดีโอการตลาดบนโซเชียลมีเดีย โฆษณา หรือวิดีโอสาธิตสินค้า
การใช้งาน: การสร้างและแก้ไขวิดีโอ
ฟีเจอร์:
- การสร้างวิดีโอ
- รองรับการป้อนข้อมูลจากภาพ ข้อความ และเสียง
- การแก้ไขวิดีโอ
- เสียงที่สร้างขึ้น
- การทำความสะอาดเสียง
- การเปลี่ยนรูปแบบ
ราคา:
- มาตรฐาน: ประมาณ 410 บาทต่อเดือน
- Pro: ประมาณ 950 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน
- Unlimited: ประมาณ 2,580 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน
- Enterprise: ติดต่อสอบถามราคาแบบปรับตามความต้องการ
Jasper AI
เจ้าของธุรกิจสามารถใช้ Jasper AI เพื่อเขียนคอนเทนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น โฆษณา บทความ และรายละเอียดสินค้า Jasper ยังมีฟีเจอร์แบรนด์วอยซ์ที่วิเคราะห์คอนเทนต์ที่มีอยู่ของคุณ ทำความเข้าใจโทนเสียงที่แบรนด์ใช้ในงานเขียน และนำความรู้นี้ไปสร้างคอนเทนต์ต้นฉบับในโทนเสียงเดียวกัน นอกจากนี้คุณยังสามารถกรอกพารามิเตอร์โทนเสียงและสไตล์ด้วยตัวเองได้
แผนการใช้งานที่มีราคาสูงกว่าจะรองรับหลายแบรนด์วอยซ์ สร้างภาพประกอบ และช่วยขยายการสร้างคอนเทนต์ด้วยเครื่องมือการทำงานร่วมกัน รวมถึงฟีเจอร์แคมเปญทันทีที่สามารถสร้างคอนเทนต์สำหรับแคมเปญทั้งแคมเปญได้ในครั้งเดียว
การใช้งาน: เขียนคอนเทนต์
ฟีเจอร์:
- ความสามารถด้านการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP)
- โทนเสียงแบรนด์ที่ปรับแต่งได้
- สร้างแคมเปญทันที
- การสร้าง แก้ไข และปรับใช้คอนเทนต์
ราคา:
- Creator: ประมาณ 1,330 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน
- Pro: ประมาณ 2,010 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน
- Business: ติดต่อสอบถามราคาแบบปรับตามความต้องการ
Prisync
Prisync เป็นเครื่องมือปรับราคาอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งมีฟีเจอร์ติดตามคู่แข่งและปรับราคาสินค้าแบบไดนามิกสำหรับร้านค้าออนไลน์ คุณสามารถใช้เครื่องมือนี้เพื่อติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลราคา รวมถึงปรับราคาสินค้าหลายรายการพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการปรับราคาแบบไดนามิกที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดและปรับราคาโดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มกำไรสูงสุด
การใช้งาน: การเพิ่มประสิทธิภาพราคา
ฟีเจอร์:
- การติดตามคู่แข่ง
- แดชบอร์ดการติดตามแบบรวมศูนย์
- การปรับราคาเป็นกลุ่ม
- ความสามารถในการตั้งราคาแบบไดนามิก
ราคา:
- Professional: ประมาณ 3,370 บาทต่อเดือน
- Premium: ประมาณ 6,770 บาทต่อเดือน
- Platinum: ประมาณ 13,570 บาทต่อเดือน
Boost.AI
Boost.AI เป็นแชตบอท AI แบบโต้ตอบที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจใช้พลังของ AI ในการบริการลูกค้า คุณสามารถใช้เครื่องมือนี้เพื่อสนับสนุนการบริการตนเองของลูกค้าในฐานะตัวแทนเสมือนอัตโนมัติ หรือช่วยทีมบริการลูกค้ามนุษย์ของคุณ Boost.AI สามารถตอบคำถามลูกค้า แก้ไขปัญหา และให้คำแนะนำเชิงรุกตามความต้องการที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์คำถามของลูกค้าและสร้างคำตอบที่แนะนำให้ตัวแทนใช้ได้ทันที หรือปรับแต่งตามความเหมาะสม เครื่องมือนี้ยังรองรับการโทรด้วยเสียง ใช้เทคโนโลยี AI eCommerce แบบโต้ตอบเพื่อให้บริการลูกค้าผ่านโทรศัพท์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
การใช้งาน: การสนับสนุนลูกค้า
ฟีเจอร์:
- ความสามารถด้านการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP)
- การสนับสนุนอัตโนมัติ
- โหมดช่วยเหลือตัวแทนบริการลูกค้า
- การทำงานอัตโนมัติทั้งแชตและการโทรด้วยเสียง
ราคา:
- ติดต่อทีมเพื่อขอการสาธิต
ViSenze
ViSenze เป็นแพลตฟอร์มค้นหาและค้นพบสินค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI eCommerceออกแบบมาเพื่อช่วยเจ้าของร้านค้าออนไลน์เพิ่มอัตราการซื้อ มีเครื่องมือแนะนำสินค้าถึง 6 แบบ ฟังก์ชันการค้นหาด้วยภาพ การติดตามเส้นทางของลูกค้า และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า
เครื่องมือแนะนำสินค้าที่ทันสมัยของ ViSenze ช่วยให้ลูกค้าสำรวจร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจและกระตุ้นการซื้อ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์โฆษณาเชิงบริบท ที่วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อช่วยสร้างโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกลุ่มมากขึ้นสำหรับแสดงบนเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม
การใช้งาน: การค้นพบผลิตภัณฑ์
ฟีเจอร์:
- การค้นหาด้วยภาพ
- แนะนำสินค้า
- การขายข้ามสินค้าและการเพิ่มมูลค่าการขาย (Cross-selling และ Upselling)
- การสร้างภาพเส้นทางการซื้อของลูกค้า (Customer journey visualization)
- ข้อมูลลูกค้าและการติดตามประสิทธิภาพ
- การทดสอบ A/B
ราคา:
- ติดต่อทีมเพื่อขอการสาธิต
Surfer AI
Surfer เป็นเครื่องมือสำหรับการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหา (SEO) โดยเครื่องมือ AI ของบริษัทอย่าง Surfer AI สามารถสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะกับ SEO ตามคีย์เวิร์ดที่กำหนด คุณเพียงใส่คีย์เวิร์ดเป้าหมายในแอป กำหนดการตั้งค่าบทความ จากนั้นสร้างโครงร่างบทความเพื่อตรวจสอบ เมื่อคุณอนุมัติโครงร่างแล้ว ระบบจะสร้างบทความเต็มความยาวให้อัตโนมัติ
Surfer ยังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับ SEO สำหรับคอนเทนต์ที่สร้างโดยมนุษย์ และแผนการใช้งานที่มีราคาสูงกว่าจะรวมฟังก์ชันตรวจสอบ SEO สำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดของคุณด้วย
การใช้งาน: การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหา (On-page SEO) และการสร้างคอนเทนต์
ฟีเจอร์:
- การวิจัยคีย์เวิร์ด
- การสร้างคอนเทนต์
- การปรับปรุงคอนเทนต์ให้เหมาะกับ SEO
- การตรวจสอบ SEO
ราคา:
- Essential: ประมาณ 2,680 บาทต่อเดือน
- Scale: ประมาณ 5,950 บาทต่อเดือน
- Enterprise: ติดต่อสอบถามราคาปรับตามความต้องการ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องมือ AI eCommerce
มี AI eCommerce สำหรับ Shopify ไหม
Shopify มีชุดฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เรียกรวมกันว่า Shopify Magic
เครื่องมือ AI eCommerce ที่ดีที่สุดคืออะไร
เครื่องมือ AI ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณขึ้นอยู่กับงบประมาณและเป้าหมาย ChatGPT, ClickUp และ Runway เป็นเครื่องมือ AI ที่ทรงพลัง 3 ตัวที่มีแผนใช้งานฟรี
AI สามารถใช้ทำงานอะไรได้บ้างในอีคอมเมิร์ซ
เทคโนโลยี AI eCommerce สามารถสนับสนุนฟังก์ชันอีคอมเมิร์ซดังต่อไปนี้
- การสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
- การตลาดดิจิทัล
- การบริการลูกค้า
- การติดตามประสิทธิภาพ
- การตั้งราคา
- การเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชัน
- การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหา (SEO)
เคล็ดลับในการเลือกเครื่องมือ AI สำหรับอีคอมเมิร์ซ
- ให้ความสำคัญกับความสามารถในการเชื่อมต่อ: ควรพิจารณาเครื่องมือ AI ที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีที่คุณใช้อยู่ได้อย่างราบรื่น โดยควรเชื่อมต่อกับเครื่องมือที่มีอยู่โดยไม่ต้องใช้วิธีแก้ปัญหาทางเทคนิคที่ซับซ้อน ตรวจสอบว่ามีการเชื่อมต่อสำเร็จรูปกับแพลตฟอร์มยอดนิยมหรือไม่ และประเมินคุณภาพของ API สำหรับการเชื่อมต่อแบบกำหนดเอง
- มุ่งเน้นไปที่ปัญหาธุรกิจเฉพาะ: แทนที่จะใช้ AI eCommerce เพียงเพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ ควรระบุปัญหาเฉพาะในธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ AI สามารถแก้ไขได้ มองหาเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขจุดเจ็บปวดเฉพาะของคุณ โซลูชันที่มีผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่พิสูจน์แล้วในด้านที่คุณต้องการ จะให้คุณค่ามากกว่าแพลตฟอร์ม AI ทั่วไป
- คำนึงถึงความสามารถในการขยายตัวและความสามารถในการเรียนรู้: มองหาเครื่องมือ AI ที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของคุณและพัฒนาความแม่นยำมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เครื่องมือ AI สำหรับอีคอมเมิร์ซที่คุ้มค่าควรเรียนรู้จากข้อมูลลูกค้าและรูปแบบการทำธุรกรรมของคุณ เพื่อให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำมากขึ้นตามเวลา ให้สังเกตว่า เครื่องมือนั้นมีประสิทธิภาพกับชุดข้อมูลขนาดเล็กและใหญ่แค่ไหน และต้องปรับแต่งเองบ่อยหรือไม่ หรือพัฒนาความแม่นยำโดยอัตโนมัติผ่านการเรียนรู้ของเครื่องเมื่อประมวลผลข้อมูลธุรกิจม


