ลองจินตนาการถึงช่วงสิ้นวันในร้านของคุณ เมื่อเสียงประตูปิดดังเบา ๆ หลังจากลูกค้าคนสุดท้ายออกไป คุณมองไปรอบ ๆ เห็นชั้นวางสินค้าและมุมจัดแสดงที่ดูสวยงามก่อนจะยิ้ม แล้วก้มลงมองคลิปบอร์ดในมือ เตรียมตัวเริ่มภารกิจนับสต๊อกสินค้า
คุณเริ่มจากปลายร้านทีละชั้น จดจำนวนสินค้าด้วยมือบนกระดาษ เช็กซ้ำไปมาในแสงไฟสลัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่พลาดอะไร ขั้นตอนนี้ทั้งช้าและน่าเบื่อ เพราะต้องนับซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าทุกชิ้นถูกต้องครบถ้วน จนรู้ตัวอีกที ร้านของคุณก็กลายเป็นเหมือนสนามทดสอบความอดทนไปแล้ว
แต่ทั้งหมดนี้สามารถเปลี่ยนไปได้ด้วยโปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด หากคุณกำลังเจอกับปัญหาความยุ่งยากแบบนี้ซ้ำ ๆ ถึงเวลาปรับระบบใหม่แล้ว บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีทำงานของระบบจัดการสต๊อกด้วยบาร์โค้ด แนะนำซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุด และสอนวิธีเริ่มใช้งานให้ธุรกิจของคุณทำงานง่ายขึ้นอย่างเห็นผล
โปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ดคืออะไร
โปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด คือระบบที่ช่วยติดตามและจัดการสินค้าภายในร้านโดยใช้บาร์โค้ดและเครื่องสแกน บาร์โค้ดคือรูปแบบของเส้นสีดำและช่องว่างที่มีลักษณะเฉพาะ เมื่อสแกนแล้วจะเปิดเผยข้อมูลสำคัญของสินค้า เช่น ชื่อ ราคา และจำนวนคงเหลือ
ระบบนี้ช่วยให้คุณบริหารสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะแสดงให้เห็นว่าสินค้าใดมีอยู่ในคลัง สินค้าใดขายดี และสินค้าตัวไหนที่ควรสั่งเพิ่ม
ระบบจัดการสต๊อกด้วยบาร์โค้ดทำงานแบบอัตโนมัติตั้งแต่สินค้าถูกนำเข้าร้านจนถึงช่วงเวลาที่ขายออกไป ช่วยให้คุณเห็นข้อมูลสต๊อกแบบเรียลไทม์และแม่นยำ เพื่อใช้ตัดสินใจเชิงธุรกิจได้ดีขึ้นและสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้ลูกค้า
โปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ดทำงานยังไง
ในธุรกิจค้าปลีก โปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ดช่วยทำให้กระบวนการติดตามและจัดการสินค้าเป็นระบบมากขึ้นและลดความผิดพลาดในการทำงาน
- การกำหนดบาร์โค้ดให้สินค้า: ระบบจะสร้างบาร์โค้ดเฉพาะให้กับสินค้าทุกชิ้นในสต๊อก โดยบาร์โค้ดนี้จะเก็บข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสสินค้า (SKU) ราคา และรายละเอียดสินค้า
- การสแกนที่จุดขาย: เมื่อมีการขายสินค้า พนักงานจะสแกนบาร์โค้ดที่จุดชำระเงิน ระบบจะตัดจำนวนสินค้านั้นออกจากสต๊อกโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณเห็นจำนวนคงเหลือแบบเรียลไทม์
- การรับสินค้าและอัปเดตสต๊อก: เมื่อมีการรับสินค้าใหม่ เพียงสแกนบาร์โค้ดของสินค้าที่เข้ามา ระบบจะอัปเดตจำนวนสต๊อกให้อัตโนมัติ เพื่อให้ข้อมูลตรงกับความเป็นจริงและเป็นปัจจุบันเสมอ
- การติดตามและแจ้งเตือนการสั่งซื้อซ้ำ: ระบบจะติดตามปริมาณสินค้าอย่างต่อเนื่อง และหากสินค้าตัวใดลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ ระบบจะแจ้งเตือนให้คุณสั่งซื้อเพิ่ม เพื่อไม่ให้สินค้าขายดีขาดสต๊อก
- การวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงาน: นอกจากการจัดการสต๊อกแล้ว ระบบยังสามารถวิเคราะห์แนวโน้มยอดขายและสร้างรายงานให้คุณเห็นภาพรวมของสินค้าได้ชัดเจนขึ้น ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าสินค้าตัวไหนควรสต๊อกเพิ่ม และตัวไหนควรลดการสั่งซื้อ
ข้อดีของระบบสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด
ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของร้านค้าปลีกขนาดเล็กหรือบริหารธุรกิจอีคอมเมิร์ซระดับโลก การใช้ระบบสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด มีข้อดีหลายประการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจของคุณได้อย่างชัดเจน
ช่วยให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น
ระบบจัดการสต๊อกด้วยบาร์โค้ดช่วยให้ทั้งขั้นตอนการขายและการเติมสต๊อกทำได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าการกรอกข้อมูลด้วยมือ การสแกนบาร์โค้ดเพียงไม่กี่วินาทีช่วยให้ทำรายการได้เร็วขึ้น ลดเวลาการต่อคิว และเพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้า
นอกจากนี้ บาร์โค้ดยังช่วยให้กระบวนการจัดการสต๊อกภายในมีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการขยายธุรกิจได้ในอนาคต
ยานน์ แม็กซ์ พาร์ตเนอร์จาก Momo Lifestyle อธิบายว่า หากคุณทำงานร่วมกับผู้ให้บริการคลังสินค้า (3PL) การใช้บาร์โค้ดจะช่วยสร้าง “ภาษากลาง” ระหว่างร้านค้ากับบริษัทขนส่ง
“เราไม่สามารถคาดหวังให้ 3PL รู้จักสินค้าทั้งหมดของเราได้เหมือนเราเอง และนั่นคือเหตุผลที่บาร์โค้ดเข้ามาช่วยระบุและจัดการได้อย่างถูกต้อง”
เขายังเสริมว่า
“สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการใช้บาร์โค้ดแยกสำหรับบรรจุภัณฑ์ต่อชิ้นและบรรจุภัณฑ์กล่องใหญ่ เพื่อให้ 3PL สามารถส่งสินค้าทั้งกล่องไปยังลูกค้า B2B และส่งสินค้าแบบชิ้นเดียวให้ลูกค้าทั่วไปได้ง่ายขึ้น”
เพิ่มความแม่นยำในการควบคุมสต๊อกสินค้า
การสแกนบาร์โค้ดช่วยเรียกข้อมูลสินค้าได้ครบถ้วน ลดความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลด้วยคน ทำให้ข้อมูลสต๊อกมีความแม่นยำและอัปเดตอยู่เสมอ ลดความเสี่ยงของการมีสินค้าคงเหลือเกินจำเป็นหรือสินค้าขาดสต๊อก
ช่วยให้ตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีขึ้น
ระบบจะเก็บข้อมูลยอดขายและการเคลื่อนไหวของสินค้าอย่างละเอียด ซึ่งช่วยให้ร้านค้าสามารถวิเคราะห์แนวโน้มยอดขาย วางแผนสั่งซื้อสินค้า ปรับกลยุทธ์ราคา หรือจัดโปรโมชั่นได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดของโปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด
ไม่ว่าคุณจะใช้ระบบจัดการสต๊อกรูปแบบไหน ก็ย่อมมีข้อจำกัดบางอย่างให้ต้องพิจารณาเช่นกัน ก่อนเริ่มใช้งานระบบสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด ลองมาดูข้อเสียหลัก ๆ ที่ควรรู้ไว้ล่วงหน้า
ต้นทุนเริ่มต้นสูง
การติดตั้งระบบสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ดต้องลงทุนเบื้องต้นในส่วนของอุปกรณ์ เช่น เครื่องสแกนบาร์โค้ด ซอฟต์แวร์ และโครงสร้างระบบต่าง ๆ ผู้ประกอบการควรประเมินความคุ้มค่าระหว่างต้นทุนและประโยชน์ที่จะได้รับ รวมถึงดูให้เหมาะสมกับขนาดและงบประมาณของธุรกิจ
ต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมทีมงาน
พนักงานต้องเรียนรู้วิธีใช้งานระบบใหม่ ซึ่งอาจใช้เวลาและทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงในช่วงแรก แต่เมื่อทุกคนคุ้นเคยกับระบบแล้ว กระบวนการทั้งหมดจะราบรื่นและรวดเร็วขึ้น
อาจเกิดปัญหาทางเทคนิคได้
เทคโนโลยีไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป เครื่องสแกนบางครั้งอาจอ่านบาร์โค้ดไม่ออก หรือซอฟต์แวร์อาจมีข้อขัดข้องเป็นบางช่วง ดังนั้นจึงควรมีทีมซัพพอร์ตหรือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบต่อการทำงานของร้าน
วิธีจัดการสินค้าในคลังอย่างเป็นระบบ ด้วยโปรแกรมสต๊อกสินค้าจากบาร์โค้ด
พร้อมจะจัดการสินค้าภายในร้านให้เป็นระเบียบมากขึ้นหรือยัง?
นี่คือขั้นตอนง่าย ๆ ในการเริ่มใช้โปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ดสำหรับธุรกิจของคุณ
1. สร้างบาร์โค้ดสำหรับระบบของคุณ
เริ่มต้นด้วยการสร้างบาร์โค้ดเฉพาะสำหรับสินค้าทุกชิ้นในสต๊อก คุณสามารถใช้เครื่องมือสร้างบาร์โค้ดออนไลน์หรือซอฟต์แวร์เฉพาะทางก็ได้ โดยให้แต่ละบาร์โค้ดเชื่อมโยงกับข้อมูลสินค้านั้น ๆ อย่างถูกต้อง เช่น SKU ชื่อสินค้า หรือราคา
💡 ทิปส์: Shopify มีเครื่องมือสร้างบาร์โค้ดออนไลน์ฟรี ใช้งานง่ายและรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาทีก็สร้างบาร์โค้ดใหม่เพื่อดาวน์โหลดหรือพิมพ์ได้เลย
2. ติดฉลากบาร์โค้ดให้กับสินค้า
เมื่อได้บาร์โค้ดแล้ว ให้นำไปพิมพ์และติดลงบนสินค้าทุกชิ้น ควรติดให้แน่นและอยู่ในตำแหน่งที่สแกนได้ง่าย ขั้นตอนนี้สำคัญมากต่อความแม่นยำในการตรวจนับและค้นหาสินค้า
3. จัดหาเครื่องสแกนสต๊อกสินค้า
ลงทุนซื้อเครื่องสแกนบาร์โค้ดที่มีคุณภาพดี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบมือถือหรือแอปบนมือถือ ซึ่งใช้งานง่ายและพกพาสะดวก เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณจัดการสต๊อกได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
💡ทิปส์: การสแกนสต๊อกผ่านแอป Shopify บนมือถือทำได้ง่ายมาก คุณยังสามารถกำหนดบาร์โค้ดให้กับสินค้าที่มีอยู่ในร้านออนไลน์ หรืออัปเดตจำนวนสินค้าคงเหลือผ่านแอปได้โดยตรง
4. เลือกซอฟต์แวร์จัดการสต๊อกที่เหมาะสม
เลือกซอฟต์แวร์จัดการสต๊อกที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบบาร์โค้ดได้ ซอฟต์แวร์ควรช่วยติดตามจำนวนสินค้า ตรวจสอบยอดขาย และสร้างรายงานได้อย่างละเอียด ควรเลือกแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและเหมาะกับลักษณะธุรกิจของคุณ
5. อบรมทีมงานให้เข้าใจระบบ
สุดท้าย ฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจวิธีใช้ระบบบาร์โค้ดและซอฟต์แวร์จัดการสต๊อก ให้พวกเขารู้วิธีสแกนสินค้า อัปเดตข้อมูล และแก้ปัญหาเบื้องต้นได้ การฝึกอบรมที่ดีจะช่วยให้ทีมทำงานได้อย่างราบรื่นและลดข้อผิดพลาดในการปฏิบัติงาน
แอปยอดฮิตที่ใช้จัดการสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด
หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ดที่ใช้งานง่ายและเหมาะกับธุรกิจของคุณ นี่คือ 3 แอปที่ควรลองใช้
1. Quick Scan - Barcode Scanner

Quick Scan เป็นแอปสแกนบาร์โค้ดที่ใช้งานง่ายและตั้งค่าได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับร้านค้าที่เพิ่งเริ่มใช้โปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด แอปนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกนและอ่านบาร์โค้ดได้อย่างแม่นยำ ใช้เวลาน้อย และเหมาะกับการจัดการสินค้าภายในร้านทุกขนาด
นอกจากนี้ Quick Scan ยังช่วยให้เพิ่มหรือลดจำนวนสินค้าคงเหลือในร้าน รวมถึงโอนย้ายสินค้าระหว่างสาขาได้สะดวกในไม่กี่ขั้นตอน
ฟีเจอร์เด่น
- สแกนบาร์โค้ดได้หลายรูปแบบอย่างรวดเร็ว เช่น QR Code, UPC, EAN และอื่น ๆ
- ติดตามจำนวนสต๊อกสินค้า จัดระเบียบข้อมูล และอัปเดตแบบเรียลไทม์
- ส่งออกข้อมูลการสแกนเป็นไฟล์ CSV ได้ทันที
- ดูประวัติการสแกนสินค้าทั้งหมดเพื่ออ้างอิงและตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย
- โอนย้ายสินค้าระหว่างหน้าร้านหรือคลังสินค้าได้อย่างสะดวก
2. EasyScan: SKU & Barcode

จุดเด่นของ EasyScan คือความสามารถในการใช้งานร่วมกับเครื่องสแกนทุกประเภทได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากการสร้างบาร์โค้ดที่สามารถพิมพ์ได้แล้ว แอปนี้ยังช่วยสร้างรหัสสินค้า (SKU) สำหรับระบบสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ดได้โดยตรง
ฟีเจอร์เด่น
- สแกนรหัสสินค้า (SKU) และบาร์โค้ดหลายรูปแบบ เช่น QR Code, UPC, EAN และอื่น ๆ
- สร้างฉลากบาร์โค้ดแบบกำหนดเอง
- แสดงตำแหน่งจัดเก็บสินค้าภายในคลังได้อย่างแม่นยำ
- ตรวจสอบจำนวนสต๊อกสินค้าแบบเรียลไทม์
- เข้าถึงข้อมูลสินค้าโดยละเอียด รวมถึงรายละเอียดสินค้า ราคา และจำนวนคงเหลือ
- ส่งออกข้อมูลการสแกนและรายงานสต๊อกเป็นไฟล์ CSV หรือ Excel ได้ทันที
3. iPacky

iPacky เป็นแอปบน Shopify ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้กระบวนการแพ็กและจัดส่งสินค้าเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะสำหรับร้านค้าที่ต้องการลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความเร็วในการจัดออเดอร์ โดยรวมการทำงานของการสแกนบาร์โค้ด การหยิบสินค้าแบบกลุ่มและการแพ็กสินค้าไว้ในที่เดียว ทำให้โปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด ทำงานได้ครบวงจรยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์เด่น
- รองรับการหยิบสินค้าทีละหลายออเดอร์และพิมพ์ใบหยิบสินค้าหรือใบแพ็กสินค้าได้ทันที
- แสดงตำแหน่งจัดเก็บสินค้า เพื่อหยิบสินค้าได้ถูกต้องและรวดเร็ว
- แนะนำเส้นทางการหยิบสินค้าที่มีประสิทธิภาพที่สุด ช่วยลดเวลาและเพิ่มความเป็นระบบในการทำงาน
- รองรับสินค้าชุดหรือสินค้าบันเดิล โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการหยิบและแพ็กครบทุกชิ้น
- ปรับแต่งขั้นตอนการทำงานได้ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ
- รองรับการใช้งานหลายผู้ใช้ในระบบเดียว เพื่อให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
ใช้โปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ดเพื่อยกระดับร้านของคุณ
การใช้บาร์โค้ดเป็นทางลัดที่ช่วยให้การจัดการสต๊อกสินค้าเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะคาดเดาว่ามีสินค้าพอหรือไม่ในแต่ละสาขา เพียงสแกนบาร์โค้ดไม่กี่วินาทีก็สามารถเห็นจำนวนสต๊อกจริงและตำแหน่งจัดเก็บสินค้าได้ทันที
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มเปิดร้านหรือกำลังบริหารร้านค้าออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ระบบจัดการสต๊อกด้วยโปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา ลดความผิดพลาด และขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมสต๊อกสินค้าด้วยบาร์โค้ด
จะสร้างบาร์โค้ดสำหรับสต๊อกสินค้าได้ฟรียังไง?
การสร้างบาร์โค้ดฟรีทำได้ง่ายมาก เพียงทำตามขั้นตอนนี้
- เลือกเครื่องมือสร้างบาร์โค้ด: ใช้เว็บหรือแอปสร้างบาร์โค้ดฟรีที่ใช้งานสะดวก เช่น แอปจาก Shopify หรือเว็บทั่วไป
- ใส่ข้อมูลสินค้า: กรอกข้อมูลที่อยากให้แสดงเมื่อสแกน เช่น ชื่อสินค้า ราคา หรือรหัสภายใน
- กดสร้างและดาวน์โหลด: คลิกเพื่อสร้างบาร์โค้ด จากนั้นดาวน์โหลดไว้พิมพ์หรือใช้งานแบบดิจิทัลก็ได้
SKU กับบาร์โค้ดต่างกันยังไง?
ถึงแม้ทั้งสองอย่างจะใช้ติดตามสินค้าเหมือนกัน แต่มีหน้าที่ต่างกัน
- SKU เป็นรหัสภายในที่ร้านค้ากำหนดเอง เพื่อแยกสินค้าแต่ละแบบ เช่น สี ขนาด หรือรุ่น ใช้ภายในระบบจัดการสต๊อกของร้าน
- บาร์โค้ด: เป็นรหัสมาตรฐานสากลที่อ่านได้ด้วยเครื่องสแกน ใช้ระบุข้อมูลสินค้าอย่างรวดเร็ว
สรุปง่าย ๆ คือ SKU ใช้สำหรับจัดการภายในร้าน ส่วนบาร์โค้ดใช้สำหรับการสแกนและขายสินค้าภายนอก
มีแอปฟรีสำหรับสแกนบาร์โค้ดจัดการสต๊อกมั้ย?
มีแน่นอน ปัจจุบันมีแอปหลายตัวที่ใช้ฟรีหรือมีแพ็กเกจทดลองก่อนจ่ายจริง โดยเฉพาะใน Shopify App Store เช่น
- EasyScan: SKU & Barcode ใช้ได้กับเครื่องสแกนทุกประเภท สแกนฉลากหน้าร้าน สร้างบาร์โค้ดและ SKU พร้อมพิมพ์ฉลากได้ มีทดลองใช้ฟรี 10 วัน แพ็กเกจเริ่มต้นประมาณ 350 บาทต่อเดือน
- Quick Scan – Barcode Scanner ช่วยอัปเดตสต๊อกและโอนย้ายสินค้าระหว่างสาขาได้ทันที สร้างออเดอร์ผ่านการสแกนบาร์โค้ด มีทดลองใช้ฟรี 14 วัน แพ็กเกจเริ่มต้นประมาณ 175 บาทต่อเดือน
- iPacky เน้นการแพ็กและจัดส่งสินค้า รองรับเครื่องสแกนทุกแบบ สร้างบาร์โค้ดและ SKU พิมพ์ฉลาก และจัดการออเดอร์จำนวนมากได้ง่าย เหมาะกับร้านที่มีหลายคลังสินค้า
จะติดตั้งระบบบาร์โค้ดกับ Shopify ได้ยังไง?
ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย
- เลือกประเภทบาร์โค้ด: ในไทยนิยมใช้ EAN-13, UPC หรือ QR Code
- สร้างบาร์โค้ด: ใช้เครื่องมือสร้างบาร์โค้ดฟรี หรือแอป Retail Barcode Labels จาก Shopify เพื่อสร้างและพิมพ์ฉลาก
- ผูกบาร์โค้ดกับสินค้า: เข้าไปที่หน้ารายละเอียดสินค้าใน Shopify แล้วใส่รหัสบาร์โค้ดของสินค้านั้น
- ติดตั้งอุปกรณ์สแกน: เลือกใช้เครื่องสแกนแบบมือถือ (มีทั้งแบบสายและไร้สาย) หรือใช้กล้องมือถือสแกนผ่านแอปก็ได้
- เชื่อมเข้ากับระบบจัดการสต๊อก: ใช้แอป Shopify Mobile หรือเครื่องสแกนเพื่ออัปเดตจำนวนสินค้าแบบเรียลไทม์
- สอนพนักงานให้ใช้งานระบบ: ให้ทีมรู้ขั้นตอนการสแกนสินค้า การอัปเดตสต๊อก และวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น
- เทสต์ก่อนใช้งานจริง: ลองสแกน รับ-ขายสินค้า และตรวจสอบยอดสต๊อก เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้สมบูรณ์ก่อนใช้จริง


