หน้าชำระเงินเป็นช่วงสำคัญที่สุดของร้านออนไลน์ เพราะนี่คือจุดที่คนดูสินค้าเปลี่ยนมาเป็นผู้ซื้อจริง Shopify Checkout ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดีตั้งแต่แรกเริ่ม ด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลูกค้าชำระเงินได้เร็วและลื่นไหล เช่น การกรอกข้อมูลอัตโนมัติ การชำระเงินด่วนผ่าน Shop Pay หรือ PayPal รวมถึงตัวเลือกชำระเงินท้องถิ่นที่ช่วยลดทุกจุดสะดุดในขั้นตอนชำระเงิน
แม้ว่า Shopify Checkout จะขึ้นชื่อเรื่องการเพิ่ม Conversion อยู่แล้ว หลายแบรนด์ก็ยังต้องการปรับแต่งเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของตัวเอง และรองรับความต้องการเฉพาะของธุรกิจ ไม่ว่าจะอยากเพิ่ม Conversion ของลูกค้าบางกลุ่ม เพิ่มมูลค่าต่อคำสั่งซื้อ เสริมความภักดี หรือปฏิบัติตามกฎระเบียบท้องถิ่น ตอนนี้การตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify ก็ง่ายและยืดหยุ่นกว่าที่เคยมาก
ด้วย Shopify Extensions แบรนด์สามารถปรับแต่งหน้าชำระเงินแบบไม่ต้องเขียนโค้ด ผ่านแอปที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ แทนการแก้ไฟล์ checkout.liquid แบบเดิมๆ ที่ต้องดูแลและอัปเดตตลอดเวลา ที่สำคัญ การปรับแต่งด้วย Extensions ยังปลอดภัยต่อการอัปเกรด ทำให้แบรนด์เข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ของหน้าชำระเงินได้ทันทีเมื่อมีการปล่อยอัปเดต
และที่ดีที่สุดคือ การปรับแต่งทั้งหมดที่สร้างด้วย Shopify Extensions จะทำงานร่วมกับ Shop Pay ได้อย่างไร้รอยต่อ หมายความว่าแบรนด์สามารถนำองค์ประกอบที่ปรับแต่งไว้ มาแสดงใน Shop Pay ได้ในไม่กี่คลิก ช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าราบรื่นเหมือนกันทั้งการชำระเงินแบบ guest checkout และ Shop Pay นอกจากจะแสดงตัวเลือกที่ธุรกิจต้องการในหน้าชำระเงินด่วนแล้ว ยังช่วยให้แบรนด์ได้ประโยชน์จากอัตรา Conversion บนมือถือที่สูงกว่า 91% และกระบวนการชำระเงินที่เร็วขึ้นถึง 4 เท่าใน Shop Pay
แม้ Shopify Extensions จะทำให้การตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify แบบไม่ใช้โค้ดเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ยังเปิดทางให้ทำงานขั้นสูงได้เช่นกัน ผ่านชุด API และ UI Components ที่แบรนด์สามารถใช้พัฒนาแอปเฉพาะทาง เพื่อสร้างการปรับแต่งรูปแบบเฉพาะของตัวเองใน Shopify Checkout
ต่อไปนี้คือ 5 วิธีเพื่อปรับแต่งและตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify ด้วย Shopify Extensions
1. เติมตัวตนแบรนด์ให้ชัดในหน้าชำระเงิน
ทุกช่วงที่ลูกค้าสัมผัสกับร้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าแรก หน้าสินค้า ไปจนถึงหน้าชำระเงิน ล้วนเป็นโอกาสในการสื่อความเป็นแบรนด์และสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับลูกค้า
ผ่านเครื่องมือตัวแก้ไขหน้าชำระเงินและบัญชีลูกค้า แบรนด์สามารถปรับแต่งพื้นฐานได้ง่ายมาก ตั้งแต่ฟอนต์ สี ไปจนถึงโทนภาพรวมของหน้า เพื่อให้การตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify สอดคล้องกับดีไซน์และบุคลิกของแบรนด์อย่างเป็นธรรมชาติ

แบรนด์ยังสามารถปรับแต่งหน้าตาเช็คเอาท์ขั้นสูงได้ผ่าน Checkout Branding API แม้ต้องทำงานร่วมกับนักพัฒนา แต่ก็เปิดโอกาสให้ทำการตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify ได้ลึกและยืดหยุ่นมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น แบรนด์สามารถเพิ่ม favicon ของตัวเอง หรือกำหนดรูปทรงมุมโค้ง (border radius) ของปุ่มและช่องกรอกข้อมูลทั้งหมดในหน้าชำระเงินได้อย่างอิสระ ทางเลือกมีเกือบไม่จำกัด ทำให้ส่งมอบประสบการณ์ checkout ที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้จริง
2. เพิ่มฟังก์ชันใหม่ด้วยแอปสำหรับหน้าชำระเงิน
Shopify Extensions ช่วยให้แบรนด์เพิ่มความสามารถใหม่ให้ checkout ได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้า หรือเพิ่มโปรแกรมสะสมแต้มก็ทำได้ง่ายในการตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify
ตัวอย่างเช่น ร้านดอกไม้ส่วนใหญ่ต้องมีตัวเลือกวันที่ (date-picker) ในหน้าชำระเงิน เพื่อให้ลูกค้าเลือกวันจัดส่งดอกไม้ได้เอง นี่เป็นตัวอย่างของฟังก์ชันสำคัญที่ช่วยให้ดำเนินธุรกิจได้ถูกต้อง แต่แบรนด์ยังสามารถเพิ่มฟังก์ชันเพื่อช่วยเพิ่ม Conversion และเพิ่มมูลค่าต่อคำสั่งซื้อได้ด้วย
เคสที่พบบ่อย ได้แก่
- เพิ่มข้อความหรือแบนเนอร์ เช่น แจ้งลูกค้าว่าไม่สามารถจัดส่งไปยังตู้ ปณ. ได้
- เก็บข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ข้อความแนบของขวัญ
- เพิ่มโอกาสในการสั่งซื้อ โดยเสนอของแถมฟรี
- เพิ่มมูลค่าต่อคำสั่งซื้อด้วยการแนะนำสินค้าเสริม

ฟังก์ชันเหล่านี้สามารถเพิ่มได้อย่างรวดเร็วด้วยการติดตั้งแอปสำหรับหน้าชำระเงิน แอปจะถูกตั้งค่าในตัวแก้ไขหน้าชำระเงินและบัญชีลูกค้า และสามารถลากวางไปยังตำแหน่งที่แบรนด์ต้องการได้ทันที นอกจากนี้ แอปเหล่านี้ยังดึงค่าการตั้งค่าแบรนด์ที่ตั้งไว้ล่วงหน้าแบบอัตโนมัติ ทำให้การเพิ่มฟังก์ชันใหม่ในขั้นตอนตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify เร็วและง่ายยิ่งขึ้น
แม้จำนวนแอปที่รองรับการเพิ่มฟังก์ชันในหน้าชำระเงินจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แบรนด์ก็ยังมีทางเลือกในการสร้างแอปของตัวเองผ่านส่วนขยายการทำงานของหน้าชำระเงิน เพื่อรองรับความต้องการเฉพาะทางของธุรกิจได้เต็มที่
3. เพิ่มมูลค่าต่อคำสั่งซื้อด้วยแอปหลังเช็คเอาท์
แบรนด์สามารถเพิ่มประสบการณ์หลังการชำระเงินได้ง่ายๆ ด้วยการติดตั้งแอปสำหรับหลังการสั่งซื้อ เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าต่อออเดอร์ เช่น เสนอสินค้าเสริมแบบคลิกเดียว หรือเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานลูกค้า (LTV) ด้วยการแสดงโปรแกรมสะสมแต้ม ทั้งหมดนี้สามารถแสดงได้บนหน้า Thank you หรือหน้าแสดงสถานะคำสั่งซื้อ และยังปรับแต่งให้เข้ากับดีไซน์ของแบรนด์ได้อย่างกลมกลืนกับการตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify
แม้จะมีแอปหลังการชำระเงินให้เลือกมากมายบน Shopify App Store แบรนด์ก็ยังสามารถสร้างแอปของตัวเองได้ผ่านส่วนขยายประสบการณ์หลังการสั่งซื้อ เพื่อรองรับเคสเฉพาะของธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น
4. เพิ่มตรรกะเฉพาะทางด้วยแอปฯ
เมื่อต้องรองรับความต้องการเฉพาะของธุรกิจ แบรนด์สามารถเพิ่มตรรกะแบบกำหนดเองเข้าไปในกระบวนการชำระเงินได้ เช่น การตั้งส่วนลดพิเศษ การผสมส่วนลด กฎการจัดส่ง หรือวิธีชำระเงินรูปแบบเฉพาะ ทั้งหมดนี้ทำได้โดยไม่ต้องแตะโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว
การเพิ่มตรรกะแบบกำหนดเองใน Shopify Checkout ทำได้ผ่านแอปที่พัฒนาด้วย Shopify Functions ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ให้นักพัฒนาปรับขยายหรือแทนที่ตรรกะสำคัญของระบบหลังบ้าน Shopify ได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัย เพื่อให้การ ตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify ตอบโจทย์ธุรกิจได้ลึกกว่าเดิม
ทุกวันนี้ แอปที่สร้างด้วย Shopify Functions รองรับเคสต่างๆ จำนวนมาก ตั้งแต่วิธีผสมส่วนลดและวิธีชำระเงินเฉพาะทาง ไปจนถึงอัตราค่าจัดส่งแบบกำหนดเอง การตรวจสอบเช็คเอาท์และตะกร้าสินค้า การตรวจสอบการคืนสินค้า การกำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อ และอื่นๆ อีกมากมาย
แม้ Shopify ทุกแพลนจะสามารถเพิ่มความสามารถเหล่านี้ได้ด้วยการติดตั้งแอปสำเร็จรูป แต่สำหรับแบรนด์ที่ใช้ Shopify Plus จะมีความสามารถพิเศษเพิ่มเติม คือการสร้าง Shopify Functions แบบเฉพาะของตัวเอง เพื่อรองรับตรรกะทางธุรกิจที่ซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น
5. ติดตามพฤติกรรมของลูกค้า
สุดท้าย การติดตามพฤติกรรมของลูกค้าในขั้นตอนชำระเงินเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้แบรนด์เข้าใจว่าลูกค้าหลุดออกจากกระบวนการตรงจุดไหน และการปรับแต่งหน้าชำระเงินที่ทำไว้ได้ผลดีเพียงใด บน Shopify สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการเพิ่มพิกเซล (pixels)
ด้วยระบบพิกเซลของ Shopify แบรนด์สามารถจัดการพิกเซลทั้งหมดได้อย่างปลอดภัยจากที่เดียว รวมถึงพิกเซลที่ใช้ติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ในหน้าชำระเงิน ซึ่งช่วยให้การวัดผลการตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify ชัดเจนและแม่นยำขึ้น
แบรนด์สามารถเพิ่มพิกเซลได้สองวิธี
- ติดตั้งแอปจาก Shopify App Store
- หรือเพิ่มพิกเซลแบบกำหนดเอง (custom pixel)
ทั้ง 2 วิธีช่วยให้ติดตามพฤติกรรมลูกค้าได้ละเอียดขึ้น และช่วยให้แบรนด์ปรับปรุงหน้าชำระเงินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ลองตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify เลยตอนนี้
หลังจากสั่งสมประสบการณ์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพมานานกว่า 16 ปี Shopify Checkout ถูกออกแบบให้สร้าง Conversion ได้ดีตั้งแต่เปิดใช้งานครั้งแรก พร้อมความยืดหยุ่นในการปรับแต่งที่รองรับการอัปเกรดทุกเวอร์ชัน และทำงานเข้ากันอย่างสมบูรณ์กับ Shop Pay และในขณะที่เรายังคงพัฒนาวิธีการปรับแต่งรูปแบบใหม่อยู่เรื่อยๆ ความสามารถที่แบรนด์สามารถทำได้ในการตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify ก็จะยิ่งหลากหลาย ลึก และทรงพลังมากขึ้นตามไปด้วย
เริ่มตั้งค่าหน้าชำระเงิน Shopify และปรับแต่งได้ทันที ผ่านตัวเลือกเหล่านี้


