ซอฟต์แวร์ออโตเมชันถูกออกแบบมาเพื่อช่วยดูแลงานประจำของร้านให้เบาลง แทบไม่ต้องออกแรงเองมากนัก ทำให้คุณมีเวลามุ่งไปที่งานสำคัญที่สร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจได้มากกว่า
แต่ในความเป็นจริง เครื่องมือออโตเมชันหลายตัวกลับสร้างภาระเพิ่ม ทั้งการใช้งานที่ซับซ้อน ต้องเรียนรู้เยอะ และยังอาจไม่เข้ากับระบบอีคอมเมิร์ซที่ใช้อยู่ด้วย และเพราะยังไม่มีแพลตฟอร์มไหนที่มีระบบออโตเมชันสำหรับอีคอมเมิร์ซติดมาในตัว การพัฒนาเองก็ต้องใช้เวลา ทรัพยากร และงบพัฒนาเป็นจำนวนมาก
Shopify Flow คืออะไร?
Shopify Flow ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยร้านค้าให้ออโต้งานที่ต้องทำซ้ำๆ และดึงประสิทธิภาพจากแอปที่ใช้อยู่ให้ได้มากขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อที่เดิมทีทำไม่ได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านโค้ดเลย
ตั้งแต่เปิดตัว Flow ร้านค้าจำนวนมากก็พึ่งพาออโตเมชันมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้งานต่างๆ เดินได้เอง ลื่นขึ้น และลดงานที่กินเวลา
แล้ว Flow ทำงานอย่างไร? Flow ใช้ตัวสร้างเวิร์กโฟลว์แบบภาพ 3 ขั้นตอน ที่ให้คุณตั้งค่างานที่ใช้แรงและเวลาให้รันเองแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องแตะโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว
คุณสามารถใช้แม่แบบเวิร์กโฟลว์ที่ Flow เตรียมไว้ให้ได้เลย หรือจะสร้างเวิร์กโฟลว์ของตัวเองเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะของธุรกิจก็ทำได้ง่ายๆ
และเพราะ Flow เชื่อมต่อกับแอปและโซลูชันที่ใช้อยู่แล้ว รวมถึงเปิดให้แอปเหล่านั้นทำงานร่วมกันได้ ทำให้คุณในฐานะผู้ใช้งานเต็มไปด้วยความสามารถและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น อยากออโตะงานแบบไหนก็ทำได้หมด คุณสามารถเข้าใช้ Flow ได้โดยตรงจากหลังบ้าน Shopify Admin
Shopify Flow connectors คืออะไร?
Flow connectors คือเครื่องมือที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถใช้แอปต่างๆ มาสร้างทริกเกอร์จากข้อมูลในแอป หรือให้ Flow ส่งข้อมูลกลับไปเพื่อให้แอปทำงานบางอย่างแบบอัตโนมัติได้ เมื่อคุณใช้ทริกเกอร์ แอปจะส่งข้อมูลเข้ามาใน Flow และเมื่อใช้แอ็กชัน Flow ก็จะส่งข้อมูลกลับไปยังแอปนั้น
ฟีเจอร์คอนเน็กเตอร์นี้ช่วยให้คุณสร้างเวิร์กโฟลว์ที่ผสมระหว่างทริกเกอร์และแอ็กชันจากหลายแอปได้ในที่เดียว แต่จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อแอปนั้นมีคอนเน็กเตอร์ในตัวและถูกติดตั้งอยู่ก่อนแล้ว
ความเรียบง่ายของ Shopify Flow มาพร้อมพลังของ eCommerce Automation ที่ปรับแต่งได้แทบไม่จำกัด เราจึงต้องการทำให้ร้านค้าเริ่มใช้ระบบออโตเมชันในธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้น
ต่อไปนี้คือ 12 เวิร์กโฟลว์ที่ช่วยแก้ปัญหาธุรกิจที่พบได้บ่อย และนำไปใช้ได้ทันที บางเวิร์กโฟลว์ใช้ร่วมกับแอปเสริมที่หาได้ใน Shopify App Store
1. ติดตามและให้รางวัลลูกค้าคนสำคัญของร้าน
ก่อนจะวางแผนสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า คุณต้องรู้ก่อนว่าลูกค้ากลุ่มไหนที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุด และพวกเขาทำอะไรอยู่ในร้านของคุณบ้าง ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน ลองดูจากลูกค้าที่เข้ามาซื้อบ่อยที่สุดในช่วงนี้ แล้วเริ่มสื่อสารกับพวกเขาก่อน
เวิร์กโฟลว์นี้ช่วยให้คุณทำโปรแกรมสะสมแต้มและรักษาลูกค้าได้ง่ายขึ้น ด้วยการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามยอดใช้จ่ายตลอดอายุบัญชีผ่าน Customer tags และในเวิร์กโฟลว์เดียวกัน คุณยังตั้งให้ทีมบริการลูกค้ารับการแจ้งเตือนเมื่อมีลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายถึงเกณฑ์ เพื่อให้ทีมสามารถเพิ่มคะแนนสะสมให้ลูกค้าได้ทันที

เวิร์กโฟลว์นี้ใช้ Slack connector และแอป Yotpo Loyalty & Rewards บน Shopify
2. ตรวจสอบออเดอร์ความเสี่ยงสูงก่อนตัดเงิน
การจัดการออเดอร์ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นงานที่ปวดหัว เพราะมักต้องตรวจเช็กหลายขั้นตอน ทั้งคัดแยกออเดอร์ด้วยมือ โทรเช็กข้อมูล และยังต้องเสี่ยงกับต้นทุนสินค้าและค่าชาร์จแบ็กอีกด้วย ร้านเสื้อผ้าคัสตอมอย่าง Shelfies ก็เคยเจอปัญหาแบบเดียวกันนี้
ด้วย Shopify Flow คุณสามารถตั้งเวิร์กโฟลว์ให้ตรวจสอบออเดอร์ใหม่แบบอัตโนมัติได้เลย หากระบบประเมินว่าออเดอร์มีความเสี่ยงระดับกลางหรือต่ำ Shopify จะตัดเงินให้อัตโนมัติ แต่ก่อนใช้เวิร์กโฟลว์นี้ ต้องตั้งค่าร้านให้เป็นการตัดเงินแบบแมนนวลไว้ก่อนเพื่อให้ระบบทำงานได้ถูกต้อง

คุณสามารถปรับเวิร์กโฟลว์นี้ให้ตรงกับการทำงานของร้านได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น ตั้งให้ทุกออเดอร์ที่มีความเสี่ยงสูงทริกเกอร์แอ็กชันส่งอีเมลหรือแจ้งเตือนผ่าน Slack ไปยังทีมบริการลูกค้า เพื่อให้ทีมตรวจสอบออเดอร์ก่อนตัดเงิน
3. ซ่อนและเผยแพร่สินค้าตามระดับสต็อก
ของหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ และลูกค้าส่วนใหญ่ก็เข้าใจได้ แต่ปัญหามักเกิดขึ้นเมื่อร้านค้าไม่ได้บอกให้ชัดว่าสินค้านั้นหมดจริง ทำให้ลูกค้าเสียประสบการณ์ไปโดยไม่จำเป็น
เมื่อสินค้าชิ้นใดหมดสต็อก เวิร์กโฟลว์นี้จะซ่อนสินค้านั้นออกจากร้านออนไลน์โดยอัตโนมัติ

เมื่อสินค้ากลับเข้าสต็อก ระบบจะนำสินค้าขึ้นหน้าเว็บให้เองอัตโนมัติ และแจ้งทีมมาร์เก็ตติ้งให้เปิดโฆษณาอีกครั้ง
4. ติดตามพรีออเดอร์และเริ่มแคมเปญการตลาดทันที
พรีออเดอร์กำลังได้ผลดีสำหรับแบรนด์มากกว่าที่เคย ร้านค้าทั่วโลกใช้วิธีนี้เพื่อสร้างความตื่นเต้นก่อนเปิดตัวสินค้าใหม่ และช่วยประเมินความต้องการจริงได้แม่นยำขึ้น

ด้วยเวิร์กโฟลว์นี้ สินค้าทุกชิ้นที่ถูกแท็กว่าเป็นพรีออเดอร์จะถูกบันทึกลงสเปรดชีตโดยอัตโนมัติ พร้อมส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังแอปอีเมลมาร์เก็ตติ้งที่คุณเลือก ใช้ต่อเพื่อเริ่มแคมเปญเลี้ยงลูกค้าพรีออเดอร์ทันที เพื่อให้พวกเขารู้สึกดีและตื่นเต้นกับสินค้าที่รออยู่เสมอ
เวิร์กโฟลว์นี้ใช้ Google Sheets for Shopify Flow และแอป Klaviyo บน Shopify
5. ทำระบบรีวิวสินค้าให้เป็นออโต้ทั้งหมด
สถิติใหม่บอกว่า เกือบครึ่งของลูกค้ายังเชื่อรีวิวออนไลน์ในระดับเดียวกับการแนะนำสินค้าแบบปากต่อปากและเพราะรีวิวมีผลกับยอดคอนเวิร์สชันมาก การมีโปรแกรมรีวิวที่ดีและเป็นระบบจึงสำคัญสุดๆ
ด้วย Shopify Flow คุณสามารถใช้ eCommerce Automation ทำให้ทุกอย่างเกี่ยวกับรีวิวเป็นอัตโนมัติได้หมด และมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดโอกาสในการจัดการรีวิวเชิงลบแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อมีรีวิวใหม่เข้ามา Flow จะตรวจคะแนนและเลือกการทำงานที่เหมาะสม เช่น รีวิว 5 ดาวจะถูกบันทึกลงสเปรดชีตและแชร์ให้ทีมเซลส์–มาร์เก็ตติ้ง เพื่อรู้สิ่งที่ลูกค้าชอบเกี่ยวกับสินค้า
ในทางกลับกัน รีวิว 1–2 ดาวจะถูกบันทึกทันที และสร้างทิกเก็ตให้ทีมบริการลูกค้าติดต่อหาผู้รีวิวเพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ทั้งตัวสินค้าและประสบการณ์การซื้อ
ผู้รีวิวทุกคนจะได้รับคะแนนสะสมเป็นการขอบคุณ ไม่ว่าจะให้กี่ดาวก็ตาม
เวิร์กโฟลว์นี้ใช้แอปและคอนเน็กเตอร์ต่อไปนี้
- Yotpo Product Reviews
- Google Sheets for Shopify Flow
- Yotpo: Loyalty & Rewards
- Slack
- Gorgias
6. ยกเลิกออเดอร์จากผู้ที่มีประวัติโกงหรือใช้บอต
ไม่ได้มีแค่ลูกค้าที่อยากได้ดีลดีๆ ช่วงแฟลชเซลก็ดึงดูดบอตและมิจฉาชีพจำนวนมากเช่นกัน Shopify Flow พร้อมช่วยรับมือ ด้วยระบบป้องกันบอตที่มีติดมาใน Shopify อยู่แล้ว
การเตรียมระบบไว้ให้พร้อมช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยเฉพาะในช่วงยอดขายพุ่ง เช่น Black Friday Cyber Monday ที่คุณอาจยุ่งจนจับตาปัญหาไม่ทัน
เวิร์กโฟลว์นี้ตั้งค่าได้ง่ายมาก สิ่งที่ต้องมีมีแค่รายชื่ออีเมลหรือ IP ของผู้เคยทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือ

จากนั้น หากมีออเดอร์ใหม่จากอีเมลที่เคยถูกขึ้นบัญชีดำ Flow จะยกเลิกออเดอร์นั้นอัตโนมัติทันที แม้มิจฉาชีพบางรายอาจหาวิธีหลบเลี่ยงได้ แต่เวิร์กโฟลว์นี้ช่วยสกัดการยิงคำสั่งซื้อปลอมแบบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. ทำระบบจัดการสต็อกและสั่งของเติมอัตโนมัติเมื่อใกล้หมด
การจัดการสต็อกเป็นงานที่ซับซ้อน และท่ามกลางงานสำคัญอื่นๆ ของธุรกิจ คุณไม่ควรปล่อยให้เป็นงานแมนนวลทั้งหมด
เวิร์กโฟลว์นี้ช่วยตรวจเช็กจำนวนสต็อกของแต่ละตัวเลือกสินค้าแบบอัตโนมัติ หากสินค้าใดมีจำนวนต่ำกว่าเกณฑ์ Flow จะสั่งเติมสต็อกทันที

ทีมของคุณจะได้รับการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ และ Flow จะส่งอีเมลสั่งซื้อใหม่ไปยังผู้จำหน่าย Flow จะเพิ่มแท็กเพื่อให้สามารถแสดงสต็อกต่ำที่ร้านของคุณเพื่อสร้างความเร่งด่วนให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังจะแจ้งเตือนคุณด้วยข้อความ Slack
8. เข้าใจสาเหตุการคืนสินค้าให้ลึกขึ้น
การคืนเงินไม่ใช่แค่ยอดขายที่หายไป มันคือสัญญาณที่ช่วยให้คุณปรับร้านให้ดีขึ้น เพื่อดึงลูกค้ากลับมา และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำในอนาคต

เวิร์กโฟลว์นี้ช่วยติดแท็กลูกค้าที่เคยคืนสินค้ามูลค่ามากกว่า 100 ดอลลาร์ในออเดอร์เดียว จากนั้นคุณสามารถสร้างทิกเก็ตให้ทีมบริการลูกค้าโทรหรือส่งข้อความตามไปสอบถามว่าเพราะอะไรลูกค้าไม่พอใจสินค้า หรือประสบการณ์ส่วนไหนที่ควรปรับปรุง เทมเพลตนี้ใช้ Gorgias Shopify app เพื่อแท็กและสร้างทิกเก็ตอัตโนมัติหลังจากมีการคืนเงิน
การคืนสินค้าคือโอกาสในการพัฒนา และเวิร์กโฟลว์นี้จะช่วยให้คุณทำสิ่งนั้นได้ง่ายขึ้น
9. แจ้งทีมบริการลูกค้าเมื่อมี Draft Order ใหม่
บางเวิร์กโฟลว์ควรเป็นแบบง่ายๆ และทำหน้าที่เฉพาะทาง เช่น เวิร์กโฟลว์นี้ เมื่อมีการสร้าง Draft Order ไม่ว่าจะทำด้วยมือหรือมาจากช่องทางขายส่ง Flow จะส่งการแจ้งเตือนไปยังทีมบริการลูกค้า เพื่อให้ทีมเพิ่มค่าขนส่ง ตรวจสอบคำสั่งซื้อ และเก็บเงินให้เรียบร้อย

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแท็กลงใน Draft Order เพื่อให้ง่ายต่อการจัดกลุ่มและทำรายงาน พร้อมอัปเดตโน้ตในออเดอร์เพื่อบอกสถานะขั้นตอนปัจจุบัน
10. ติดตามออเดอร์พิเศษตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้
การจัดการออเดอร์พิเศษด้วยมือเป็นงานที่ยุ่งและผิดพลาดได้ง่าย โดยเฉพาะธุรกิจแบบ Shelfies ที่ต้องประสานงานหลายฝ่ายตลอดเวลา
เวิร์กโฟลว์นี้ช่วยแจ้งเตือนคุณโดยอัตโนมัติ และเพิ่มแท็กให้กับออเดอร์ทันทีเมื่อมีออเดอร์แบบพิเศษเกิดขึ้น

คุณสามารถใช้ตัวดำเนินการและเงื่อนไขที่หลากหลาย เช่น
- อีเมลของลูกค้ามีคำว่า “.edu” หรือโดเมนเดียวกับบริษัท
- ใช้ (หรือไม่ได้ใช้) โค้ดส่วนลดเฉพาะกลุ่ม
- ออเดอร์มาจากช่องทางขายเฉพาะ
- ออเดอร์มาจากประเทศที่กำหนด
- ลูกค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี
- วิธีจัดส่งราคาเป็น 0 บาท
- ลูกค้าชำระเงินผ่านเกตเวย์เฉพาะ
- ส่วนลดรวมในออเดอร์เกินกว่าระดับที่กำหนด
เวิร์กโฟลว์นี้ปรับได้อิสระตามประเภทออเดอร์และกฎที่ร้านต้องการ รองรับกรณีการใช้งานได้แทบทุกแบบ—ขึ้นอยู่กับไอเดียของคุณเลย
11. ส่งการ์ดเขียนด้วยลายมือเมื่อลูกค้าออเดอร์ครั้งที่สอง

การ์ดที่เขียนด้วยลายมือเป็นวิธีขอบคุณลูกค้าที่ดูจริงใจที่สุด แถมยังสร้างความประทับใจและเพิ่มอัตราการซื้อซ้ำได้ถึง 31% เวิร์กโฟลว์นี้ช่วยให้คุณส่งการ์ดเขียนลายมือให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติหลังจากที่พวกเขาซื้อครั้งที่สอง
เทมเพลตนี้ใช้ Scribeless ซึ่งเป็นแอปบน Shopify สำหรับการ์ดลายมือโดยเฉพาะในการส่งข้อความขอบคุณให้ลูกค้า
12. จัดกลุ่มลูกค้าตามยอดใช้จ่ายตลอดอายุบัญชี

ด้วยเวิร์กโฟลว์นี้ คุณสามารถระบุกลุ่มลูกค้าที่มีมูลค่าสูงที่สุดของร้านคุณ และดูแลให้พวกเขาอยู่กับแบรนด์ในระยะยาวได้ง่ายขึ้น เมื่อลูกค้าถูกจัดอยู่ในกลุ่มตามยอดใช้จ่าย เช่น Gold Tier คุณสามารถส่งข้อความแบบเฉพาะเจาะจงหรือข้อเสนอพิเศษเฉพาะกลุ่ม VIP ให้พวกเขาได้
ข้อมูลเหล่านี้ยังช่วยให้ทีมมาร์เก็ตติ้งและฝ่ายขายมองเห็นสัญญาณของลูกค้าที่มี CLV สูง (Customer Lifetime Value) และ CAC ต่ำ (Customer Acquisition Cost) เพื่อใช้วางแผนแคมเปญที่ตรงกลุ่มและคุ้มค่าที่สุด
Shopify Flow ช่วยให้การทำธุรกิจเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับทุกคน
ด้วยเทมเพลตที่ออกแบบมาเฉพาะทาง เวิร์กโฟลว์ที่ปรับแต่งได้ง่าย และความสามารถในการเชื่อมต่อกับแอปทั้งหมดที่คุณใช้อยู่ Flow ช่วยให้คุณทำงานได้มากขึ้นแบบไม่ต้องเพิ่มภาระ คุณสามารถสั่งของเข้าสต็อกอัตโนมัติเมื่อสินค้าหมด จัดการสต็อกได้แม่นยำขึ้น ให้รางวัลลูกค้า และทำงานอีกหลายอย่างที่เคยกินเวลา
เริ่มใช้ Flow แล้วหันกลับไปโฟกัสการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าของคุณได้เต็มที่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ eCommerce Automation
Flow บน Shopify ใช้ยังไง?
- ไปที่หลังบ้าน Shopify แล้วเลือก การตั้งค่า (Settings) > แอปและช่องทางการขาย (Apps and sales channels)
- ในหน้าแอปและช่องทางการขาย ให้เลือก Shopify Flow
- คลิก เปิดแอป
- เลือก สร้างเวิร์กโฟลว์ (Create workflow)
- คลิก เลือกทริกเกอร์ แล้วเลือกเหตุการณ์ที่ต้องการให้เวิร์กโฟลว์เริ่มขึ้น
- เลือก เพิ่มขั้นตอน แล้วคลิก เงื่อนไข (Condition) เพื่อกำหนดสิ่งที่ต้องเป็นจริงก่อนจะให้แอ็กชันทำงาน
- คลิก จากนั้น (Then) แล้วเลือกแอ็กชันที่ต้องการให้ระบบทำเมื่อเงื่อนไขตรง
- คลิก เวิร์กโฟลว์ใหม่ (New Workflow) แล้วตั้งชื่อ
- คลิก เปิดใช้งานเวิร์กโฟลว์ (Turn on workflow) เพื่อเริ่มใช้งานจริง
Shopify Flow มีอะไรให้ใช้งานบ้าง?
Shopify Flow รวมทริกเกอร์ที่ทำงานตามอีเว้นท์ต่างๆ ในร้าน ช่วยให้คุณสร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติได้ เช่น เมื่อมีออเดอร์ใหม่ การอัปเดตสินค้า หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลลูกค้า จากนั้นคุณสามารถตั้งค่าให้ระบบทำงานตอบสนองอัตโนมัติได้ตามต้องการ
จะสร้างตัวแปร ใน Shopify Flow ได้ยังไง?
คุณสามารถเพิ่มตัวแปรได้ในทุกช่องข้อความที่มีลิงก์ พิ่มตัวแปรปรากฏอยู่ แค่คลิกที่ลิงก์นั้น แล้วเลือกตัวแปรจากรายการที่ขึ้นมา ระบบจะดึงข้อมูลจริง เช่น ข้อมูลออเดอร์ ลูกค้า หรือสินค้า มาใช้ในเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ


