ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) คือความลับของแบรนด์อีคอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
ERP หมายถึงซอฟต์แวร์และระบบที่เชื่อมโยงกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน การขาย การจัดซื้อ และอื่นๆ ในระดับพื้นฐาน ERP จะรวมกระบวนการเหล่านี้เข้าไว้ในระบบเดียว
ERP ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ทันทีหลังจากซื้อมา แต่จำเป็นต้องมีการปรับแต่งให้เข้ากับโครงสร้างและเป้าหมายของธุรกิจ ระบบนี้จะรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ด้านการเงิน โลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคล เพื่อสนับสนุนการวางแผนและการดำเนินงานในระดับองค์กร
การมี ERP แบบรวมศูนย์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ และการเชื่อมต่อที่คุณเลือกใช้จะสะท้อนถึงความสำเร็จของคุณ และในคู่มือนี้ คุณจะได้เรียนรู้พื้นฐานของการเชื่อมต่อโปรแกรม ERP อย่างละเอียด รวมถึงวิธีการเริ่มสร้างระบบ ERP ของคุณตั้งแต่วันนี้
การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP คืออะไร?
การเชื่อมต่อ ERP คือกระบวนการเชื่อมโยงระบบวางแผนทรัพยากรองค์กรเข้ากับแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์อื่นๆ ฐานข้อมูล หรือระบบภายนอก ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลไหลเวียน ซิงโครไนซ์ และทำงานอัตโนมัติได้อย่างราบรื่นระหว่างหน้าที่ทางธุรกิจต่างๆ ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพ การมองเห็น และความสามารถในการตัดสินใจที่ดีขึ้นภายในองค์กร
พูดง่ายๆ คือเป็นวิธีการทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติและเพิ่มผลิตภาพทั่วทั้งองค์กร
บริษัทถึง 73% ถือว่าการทำลายกำแพงข้อมูลและส่งเสริมการสื่อสารและความร่วมมือภายในที่ดีขึ้นเป็นสิ่งสำคัญมากหรือสำคัญอย่างยิ่ง การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP ช่วยสร้างแหล่งข้อมูลเดียวที่เป็นความจริงในธุรกิจของคุณ ซึ่งหมายความว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องสามารถแชร์ระหว่างแผนกต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
วิธีการเชื่อมต่อที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่
- การเชื่อมต่อแบบกำหนดเอง หมายถึงธุรกิจสร้างการเชื่อมต่อหลักด้วยตนเอง โปรแกรมเมอร์สามารถจับคู่โค้ด API ของซอฟต์แวร์กับระบบ ERP ที่ต้องการเชื่อมต่อ วิธีนี้ต้องใช้ทรัพยากรทางเทคนิคและใช้เวลา
- การเชื่อมต่อที่ผู้จำหน่ายสร้างหรือการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิม หมายถึงการเชื่อมต่อแบบพร้อมใช้ที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อแอปพลิเคชันเฉพาะได้ ตัวอย่างเช่น เครื่องมือหลายตัวในปัจจุบันเชื่อมต่อโดยตรงกับ Shopify ซึ่งครอบคลุมกรณีการใช้งานที่ได้รับความนิยมและมักไม่มีค่าใช้จ่ายการสมัครสมาชิกเพิ่มเติม
- แพลตฟอร์มการเชื่อมต่อในรูปแบบบริการ (iPaaS) ซึ่งเป็นโซลูชันบนคลาวด์ที่สร้างและปรับใช้การเชื่อมต่อ ด้วย iPaaS องค์กรสามารถสร้างเวิร์กโฟลว์ที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนคลาวด์และปรับใช้โดยไม่ต้องติดตั้งหรือจัดการฮาร์ดแวร์
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซอาจใช้ ERP เพื่อทำให้กระบวนการตั้งแต่การสั่งซื้อจนถึงการจัดส่งเป็นอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อมต่อ NetSuite กับร้าน Shopify คุณสามารถนำข้อมูลคำสั่งซื้อและลูกค้าจาก Shopify เข้าสู่ NetSuite โดยอัตโนมัติเมื่อชำระเงิน คุณยังสามารถใช้ตัวเชื่อมต่อเพื่อส่งข้อมูลไปยังพาร์ทเนอร์ 3PL ได้อีกด้วย
สิ่งนี้สามารถช่วยให้ธุรกิจจัดส่งคำสั่งซื้อได้เร็วขึ้นและเพิ่มการจัดส่งในวันเดียวกันสำหรับคำสั่งซื้อจากเว็บไซต์ ลองคิดดูว่าจะช่วยประหยัดชั่วโมงการทำงานได้เท่าไหร่ต่อเดือน
หากไม่มีการเชื่อมต่อ ERP บริษัทจะต้องอัปเดตจำนวนสินค้าคงคลังในระบบ ERP และแอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซด้วยตนเอง เมื่อปริมาณการขายเพิ่มขึ้นและสินค้าคงคลังขยายตัว กระบวนการดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพและใช้แรงงานมากจะยากต่อการขยายขนาด
นั่นคือข้อดีของการเชื่อมต่อโปรแกรม ERP ไม่ว่าคุณจะเป็น B2B, B2C หรือ DTC เมื่อธุรกิจของคุณเติบโต ความซับซ้อนของการดำเนินงานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย คุณจะต้องการมากกว่าที่โซลูชันแยกส่วนที่ไม่เชื่อมต่อกันจะให้ได้
ด้านอื่นๆ ของอีคอมเมิร์ซ เช่น การจัดการสต็อก การจัดซื้อและห่วงโซ่อุปทาน CRM การจัดส่ง และข้อมูลการขายและการชำระเงิน ก็ถูกรวมเข้าใน ERP เช่นกัน หากมีแนวทางแยกส่วนหรือกระจัดกระจาย จะเกิดความไม่สอดคล้องกันภายในธุรกิจ
ประโยชน์ของการเชื่อมต่อ ERP
ลองจินตนาการกิจกรรมทางธุรกิจของคุณเหมือนเครื่องยนต์รถที่กำลังทำงาน การสามารถมองเห็นใต้ฝากระโปรงขณะที่มันทำงานอยู่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาบำรุงรักษาหรือยัง หรือคุณยังมีระยะทางอีก 1,000 ไมล์ก่อนจะเปลี่ยนน้ำมันครั้งต่อไป
การเชื่อมต่อ ERP ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมขององค์กรและแอปพลิเคชันที่กำลังทำงานทั้งหมด สามารถช่วยติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักแบบเรียลไทม์ รับประกันความถูกต้องของข้อมูล และอื่นๆ อีกมากมาย
มาดูประโยชน์สำคัญของการเชื่อมต่อ ERP กัน
อัปเกรดระบบเก่า
ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แข่งขันสูงในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ พบว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเพิ่มระบบ ERP สมัยใหม่ โดยซอฟต์แวร์ที่ซื้อมาเมื่อหลายปีก่อนอาจไม่รองรับโมเดลธุรกิจของบริษัทอีกต่อไปและอาจเป็นอุปสรรคต่อนวัตกรรม ซึ่งอันที่จริงองค์กรที่ผ่านการสำรวจ 94% ระบุว่านวัตกรรมที่ทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญ และ ERP มีความสามารถในเรื่องนี้
แบรนด์คอมเมิร์ซระดับองค์กรอาจขยายไปทั่วโลกหรือต้องการขั้นตอนภายในมากขึ้น เหตุผลเหล่านี้สามารถทำให้ระบบเก่าไม่มีประสิทธิภาพ หากธุรกิจต้องการได้เปรียบในการแข่งขัน พวกเขาต้องเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้สำคัญหากคุณต้องการปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าหรือเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน
ตัวอย่างเช่น หากคุณจัดการสินค้าคงคลังผ่านระบบเก่า อาจไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นได้ ทำให้ยากต่อการยืนยันและกำหนดตารางคำสั่งซื้อ เพราะไม่มีทางรู้ว่ามีสินค้าคงคลังเพียงพอสำหรับการสั่งซื้อหรือไม่ อาจทำให้เกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากผู้ซื้อไม่สามารถสั่งซื้อสินค้าคงคลังใหม่ได้เสมอ และอื่นๆ
การเชื่อมต่อ ERP สมัยใหม่มีความสามารถขั้นสูงที่สามารถให้การวิเคราะห์ที่ช่วยคุณเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลังและปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าโดยไม่ให้สินค้าหมดสต็อก ผู้จำหน่าย ERP หลายรายยังทำการอัปเดตหลายครั้งต่อปี ดังนั้นคุณจะอัปเกรดระบบอย่างสม่ำเสมอและเห็นการปรับปรุงทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
ระบบจัดเก็บข้อมูลส่วนกลาง
การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP ทำให้สามารถรวมศูนย์ข้อมูลองค์กรและปรับปรุงการสื่อสารทั่วทั้งธุรกิจได้ ช่วยสร้างศูนย์กลางที่แผนกทั้งหมดสามารถเข้าถึงข้อมูลเรียลไทม์และใช้ประโยชน์จากโซลูชันที่ยืดหยุ่นและคล่องตัวในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
หากไม่มีระบบ ERP แต่ละแผนกจะมีบันทึกและฐานข้อมูลของตนเอง ทีมสามารถอัปโหลดข้อมูลและสร้างรายงานแล้วแชร์ระหว่างกลุ่มต่างๆ แต่หากมีข้อมูลซ้ำซ้อน พวกเขาต้องยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งสร้างงานและปัญหาเพิ่มเติมให้กับทุกคน นอกจากนี้ ระบบเก่ามักมี “ผู้ดูแลข้อมูล” คอยควบคุมการเข้าถึง แต่เมื่อมีคำขอข้อมูลจำนวนมาก ก็อาจเกิดความล่าช้าและทำงานได้ไม่ทันความต้องการของทุกฝ่าย
การมีข้อมูลจำนวนมากเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง สามารถเข้าถึง วิเคราะห์ และนำไปใช้ได้จริง การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP จึงช่วยให้ธุรกิจสร้างระบบจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย มีความรับผิดชอบทางจริยธรรม และสนับสนุนการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับขององค์กร
กระบวนการอัตโนมัติ
การเชื่อมต่อระบบ ERP ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นสำหรับองค์กรที่ย้ายข้อมูลจำนวนมหาศาลในแต่ละนาที ในปัจจุบันมีองค์กรประมาณ 67% อ้างถึงความง่ายในการใช้งานเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่พวกเขาให้ความสำคัญในแพลตฟอร์มคอมเมิร์ซ และ ERP สามารถช่วยในเรื่องนั้นได้
การเชื่อมต่อเหล่านี้อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบอัตโนมัติสองทิศทางระหว่างระบบและแอปของคุณ ช่วยขจัดข้อผิดพลาดของมนุษย์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ระบบอัตโนมัติสามารถใช้ในจุดสัมผัสต่างๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ
กิจกรรมทางธุรกิจต่อไปนี้สามารถส่งผ่านระหว่างระบบเพื่อสร้างระบบ ERP อัจฉริยะ
- ข้อมูลคำสั่งซื้อ
- ข้อมูลลูกค้า
- รายละเอียดการจัดส่ง
- ระบบบัญชี
- ข้อมูลสินค้าและราคา
- จำนวนสินค้าคงคลัง
- ใบสั่งซื้อ
การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP ไม่เพียงช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่างแผนกธุรกิจเท่านั้น แต่ระบบอัตโนมัติช่วยขยายนวัตกรรม เมื่อรวมกับเทคโนโลยีเช่น AI และคลาวด์ ERP มีความเป็นไปได้เกือบไม่จำกัดสำหรับการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ
ประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น
ประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม พร้อมการปรับแต่งเฉพาะบุคคลได้รับความสนใจเป็นหลักมาระยะหนึ่งแล้ว ในปี 2023 บริษัท 74% เพิ่มการใช้จ่ายด้านประสบการณ์ลูกค้าโดยรวม แต่การตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าในช่องทางเดียวไม่เพียงพอที่จะรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน ธุรกิจต้องเข้าใจและสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบองค์รวมและหลายช่องทาง
การเชื่อมต่อ ERP สามารถช่วยธุรกิจได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความชอบและความสนใจของลูกค้า บริษัทที่มีการเชื่อมต่อโปรแกรม ERP อีคอมเมิร์ซ ตัวอย่างเช่น สามารถเข้าถึงเครื่องมือที่เหมาะสมทั้งหมดเพื่อเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้นและปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า
แพลตฟอร์ม SaaS อีคอมเมิร์ซระดับองค์กร: คุณสมบัติหลักที่บริษัทคาดหวัง
บทบาทของแพลตฟอร์มคอมเมิร์ซ SaaS ระดับองค์กร Shopify
วิธีที่องค์กรใช้การเชื่อมต่อ ERP สำหรับการมีส่วนร่วมของลูกค้าจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของแบรนด์ในปีต่อๆ ไป ผู้ที่ใช้ระบบ ERP สำหรับการมีส่วนร่วมของลูกค้าอย่างชาญฉลาดจะประสบความสำเร็จ
ความท้าทายและความเสี่ยงทั่วไปของการเชื่อมต่อ ERP
ก่อนอื่น มาทบทวนกันอีกครั้งว่าวัตถุประสงค์หลักของระบบ ERP คืออะไร หากคำตอบของคุณคือ “เพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร” คุณตอบถูกแล้ว ผลสำรวจพบว่า 28% ของบริษัท ที่ทำการรวมระบบ ERP เข้ากับแพลตฟอร์ม SaaS ด้านอีคอมเมิร์ซอย่างลึกซึ้ง ได้รับประโยชน์และประสิทธิภาพทางธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP เข้ากับระบบองค์กรอื่น ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ด้านล่างนี้คือ ความท้าทายทั่วไป ที่ธุรกิจมักเผชิญเมื่อทำการเชื่อมต่อระบบ ERP เข้ากับโครงสร้างเทคโนโลยีที่มีอยู่
เกินงบประมาณ
การนำ ERP มาใช้อาจมีค่าใช้จ่าย 3-4 เท่าของที่ตั้งงบประมาณไว้ในตอนแรก แต่ไม่ต้องกังวล เพราะในระยะยาว ประโยชน์ที่ได้รับมักคุ้มค่ากว่าต้นทุนที่จ่ายไป
การเลือกพาร์ทเนอร์ ERP ที่ดีป็นกุญแจสำคัญในการสร้างระบบ ERP ที่ดีสำหรับองค์กรของคุณ พวกเขาจะเสนอชุดบริการเพื่อครอบคลุมการเชื่อมต่อและการนำไปใช้ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และจัดระบบที่เหมาะสมสำหรับบริษัทของคุณ
การเชื่อมต่อที่ไม่ปลอดภัย
ระบบ ERP ของคุณเป็นที่เก็บข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญที่สุด รวมถึงข้อมูลลูกค้าที่ละเอียดอ่อนและข้อมูลลับทางการค้า จำเป็นต้องได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่
การเพิ่มความซับซ้อนให้กับระบบของคุณผ่านการเชื่อมต่อ ERP จะเพิ่มโอกาสของการเชื่อมต่อที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งทำให้องค์กรของคุณอยู่ในระดับภัยคุกคามที่สูงขึ้นเมื่อแฮกเกอร์ไซเบอร์กำลังมุ่งเป้าไปที่ซอฟต์แวร์ ERP
ความซับซ้อน
การนำไปใช้มักใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ความล้มเหลวมักเป็นผลมาจากการสื่อสารและการวางแผนที่ไม่ดี
ธุรกิจมักต้องเอาชนะ
- ความต่อต้านภายในต่อระบบใหม่
- ปัญหาการรวมซอฟต์แวร์
- คุณภาพข้อมูลที่ไม่ดี
คนต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อใช้ระบบอย่างถูกต้อง การยอมรับและการเปิดใช้งานภายในเป็นสิ่งสำคัญที่นี่ การนำไปใช้อาจล้มเหลวหลังจากเปิดตัวหากไม่มีผู้สนับสนุนภายในหรือเอกสารเวิร์กโฟลว์ที่เหมาะสม พวกเขายังต้องเข้าใจว่าทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการของพวกเขาเพื่อรักษาแรงจูงใจในการเรียนรู้ระบบ
ธุรกิจที่มีแผนชัดเจนสำหรับการเชื่อมต่อ ERP และความเข้าใจในความต้องการ สามารถหลีกเลี่ยงการกลายเป็นสถิติความล้มเหลวของ ERP ได้
ประเภทของการเชื่อมต่อโปรแกรม ERP
ประเภทของการเชื่อมต่อโปรแกรม ERP ที่ธุรกิจเลือกใช้ มักขึ้นอยู่กับทรัพยากรด้าน IT และความต้องการเฉพาะขององค์กรในแต่ละระดับ
อีคอมเมิร์ซ
การเชื่อมต่อ ERP กับระบบอีคอมเมิร์ซ หมายถึงการนำแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ (เช่น Shopify) มาทำงานร่วมกับระบบ ERP ที่อยู่บนคลาวด์ เพื่อช่วยขยายขีดความสามารถของร้านค้าออนไลน์ และสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า
ข้อมูลต่าง ๆ เช่น ลีด ลูกค้า คำสั่งซื้อ เวลาในการจัดส่ง ภาษี และการบริการลูกค้า จะถูกติดตามผ่านระบบ การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP เพื่อให้ทุกฝ่ายในองค์กรที่ดูแลร้านค้าออนไลน์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์
ประโยชน์ของการเชื่อมต่อ ERP กับอีคอมเมิร์ซ เช่น
- ข้อมูลส่วนหน้าร้าน (front-end) ที่ถูกต้องและตรงกันในทุกแผนก
- ระบบสต็อกแบบเรียลไทม์ ทั้งฝั่งหน้าร้านและหลังร้าน
- ระบบกำหนดราคาสินค้าที่ปรับเปลี่ยนได้ตามลูกค้า
- การตรวจสอบบัญชีและการเงินแบบอัตโนมัติ
มีหลายวิธีในการเชื่อมต่อ ERP กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคุณ ดังนี้
- ใช้ API ของโซลูชันอีคอมเมิร์ซด้วยตนเองและปรับแต่งระบบ แต่คุณต้องรับผิดชอบการดูแลและบำรุงรักษาด้วยตนเองทั้งหมด
- ใช้โซลูชันสำเร็จรูปจากผู้ให้บริการภายนอก ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว หากต้องการปรับแต่งเพิ่มเติม จะมีค่าใช้จ่ายและต้องพึ่งพาทีมภายนอก
- ใช้ระบบ ERP ภายในการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคุณ ERP ที่มีการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิม เช่น Shopify-NetSuite เป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นที่สุด บริษัท ERP สร้างการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิมเข้าสู่ระบบอีคอมเมิร์ซ มีความคล่องตัวเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการขององค์กรและสามารถปรับตัวตามความต้องการของตลาด
แบรนด์อีคอมเมิร์ซยังสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุน รวมถึง
- ระบบบริหารวงจรชีวิตสินค้า
- ระบบจัดการซัพพลายเชน
- ระบบบริหารคลังสินค้า
การจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM)
บริษัทอีคอมเมิร์ซทุกแห่งต้องการวิธีมาตรฐานในการจัดการลีดและลูกค้า ระบบ CRM จัดการข้อมูลลูกค้า เช่น การซื้อและข้อมูลติดต่อ ซึ่งสามารถใช้โดยทีมขายและการตลาด ธุรกิจใช้ข้อมูลนี้เพื่อได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ดีขึ้นเกี่ยวกับลูกค้าและตัดสินใจอย่างมีข้อมูลเมื่อต้องโต้ตอบกับพวกเขา
ตัวอย่างเช่น Salesforce และ NetSuite โดย Oracle การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP และ CRM ส่งผ่านข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งให้บริษัทมุมมองลูกค้า 360 องศา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการขาย การสนับสนุน การตลาด หรือผู้ซื้อ บริษัทของคุณจะมีทุกสิ่งที่คุณต้องการในที่เดียว ข้อมูลสามารถใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย
ระบบวิเคราะห์ธุรกิจ (BI)
ซอฟต์แวร์ธุรกิจอัจฉริยะถูกออกแบบมาเพื่อดึงข้อมูล วิเคราะห์ และรายงานข้อมูล ซอฟต์แวร์ BI สำคัญสำหรับบริษัทที่กำลังผ่านการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล เพราะให้การมองเห็นข้อมูลของบริษัท รวบรวมและแสดงภาพข้อมูลได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถค้นพบข้อมูลเชิงลึกใหม่และดำเนินการเพื่อเพิ่มผลกำไร
ในบางกรณี ฟังก์ชัน BI อาจถูกสร้างเข้าไปในระบบ ERP ของคุณ แต่บ่อยครั้งฟังก์ชันการทำงานไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับองค์กรที่ได้รับข้อมูลจำนวนมากทุกวัน
เมื่อบริษัทเชื่อมต่อระบบ BI บุคคลที่สามกับ ERP ที่รวมแล้ว ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะเข้าถึงได้ง่ายโดยพนักงานที่ได้รับอนุญาตใดๆ พวกเขายังได้รับการรายงานขั้นสูงที่ช่วยให้ธุรกิจใช้ประโยชน์จากข้อมูลทุกชิ้นที่ได้รับ
ทรัพยากรบุคคล
ม่มีแผนกใดที่มีงานเบื้องหลังมากเท่ากับฝ่ายทรัพยากรบุคคล ตั้งแต่เงินเดือน การสรรหา การประเมิน และข้อเสนองาน การจัดการข้อมูล HR อาจกลายเป็นเรื่องที่ท่วมท้นได้อย่างรวดเร็ว การจัดการข้อมูล HR ที่ละเอียดอ่อนผิดพลาดมีทั้งค่าใช้จ่ายสูงและเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยสำหรับธุรกิจใดๆฃ
โมดูล HR ใน ERP ของคุณช่วยจัดการ ดิจิทัลไลซ์ และทำให้กระบวนการของแผนก HR เป็นอัตโนมัติ ประโยชน์บางอย่างรวมถึง
- การจัดเก็บและจัดการฐานข้อมูลพื้นฐานพนักงานอย่างปลอดภัย
- การจัดการเงินเดือนและค่าตอบแทนที่ง่ายขึ้น
- การจัดการเวลาและการเข้าร่วงงานที่ดีขึ้น
- การฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถใช้โมดูล HR ในระบบ ERP ได้อย่างสร้างสรรค์มากขึ้น เช่น การส่งแบบสำรวจความพึงพอใจของพนักงาน การตั้งค่ารายงานอัตโนมัติ หรือการจัดทำแบบประเมินผลการทำงานให้เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้ทั่วทั้งองค์กร
การจัดการโครงการ
เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ BI ระบบ ERP บางระบบอาจรวมโซลูชันการจัดการโครงการ แต่บริษัทหลายแห่งที่เริ่มสร้างระบบ ERP ใช้ซอฟต์แวร์การจัดการโครงการที่ซับซ้อนมากขึ้นอยู่แล้ว การเห็นสถานะของโครงการใน ERP ของคุณมีประโยชน์ด้วยเหตุผลหลายประการ
- สามารถกำหนดต้นทุนโครงการ
- เห็นการอัปเดตและกระบวนการของโครงการ
- หาว่าวิธีการของโครงการทำงานหรือไม่
- สามารถร่วมมือกับแผนก HR และเงินเดือน
เมื่อคุณสร้างโมดูลการจัดการโครงการใน ERP ของคุณ ทุกคนในทีมก็สามารถเห็นว่าใครทำงานอะไรและจะส่งมอบเมื่อไหร่ การเข้าใจความโปร่งใสนี้ช่วยสร้างความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างแผนก และยังช่วยให้บริษัทสามารถแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ ของโครงการได้ทันท่วงทีก่อนจะลุกลามเป็นปัญหาใหญ่
วิธีเชื่อมต่อโปรแกรม ERP เข้ากับระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่
คำว่า “การเชื่อมต่อ” ในโลกของอีคอมเมิร์ซมีความหมายกว้างมาก โดยทั่วไปหมายถึงการทำให้ 2 ระบบสามารถทำงานร่วมกันได้ผ่าน API กล่าวง่าย ๆ คือ ระบบที่มี API ที่ดีจะสามารถพูดคุยกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างราบรื่น ในหลายกรณี เมื่อพูดถึงการเชื่อมต่อระบบ มักหมายถึง ตัวเชื่อมต่อสำเร็จรูปที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับซอฟต์แวร์แต่ละแพลตฟอร์ม เช่น ในระบบของ Shopify ตัวเชื่อมต่อนี้จะเรียกว่า “แอป (App)”
กลยุทธ์การเชื่อมต่อที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เรียกว่าแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อในรูปแบบบริการ (iPaaS) นี่คือแนวทางการเชื่อมต่อบนคลาวด์ที่ช่วยให้แอปซิงค์ได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้การเขียนโค้ดและสามารถเชื่อมต่อระบบ ERP กับผลิตภัณฑ์ SaaS
แอปหรือตัวเชื่อมต่อที่สร้างไว้แล้วหลายตัวมีอยู่บนแพลตฟอร์ม iPaaS พวกเขาถูกออกแบบมาเพื่อเริ่มการเชื่อมต่อโดยทำงานเสร็จแล้ว 50% ถึง 90% มักต้องการการปรับแต่งบางอย่างโดยนักพัฒนาหรือพาร์ทเนอร์การเชื่อมต่อเพื่อให้การเชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์
เพื่อเชื่อมต่อโปรแกรม ERP กับระบบโดยใช้ตัวรวม iPaaS คุณจะต้อง
- กำหนดค่าโทเค็น API สำหรับ ERP และซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ต้องการเชื่อมต่อ
- สร้างโฟลว์ที่กำหนดการโต้ตอบระหว่าง ERP และแอปพลิเคชันอื่นๆ ของคุณ สิ่งนี้จะครอบคลุมวิธีที่การเชื่อมต่อจะถ่ายโอนข้อมูล การอัปเดต (CRUD) และการซิงก์
- ตั้งค่า Pipe Connection ในแต่ละระบบที่เชื่อมต่อ
- ตั้งค่า Mapping และ Modifier ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ไปยังผู้ติดต่อเฉพาะใน CRM ของคุณ จากนั้นซิงค์ป้ายกำกับไปยังซอฟต์แวร์การตลาดอีเมลเพื่อเริ่มแคมเปญต้อนรับ
- กำหนดตารางซิงก์ข้อมูล หากคุณต้องการการซิงโครไนซ์แบบเรียลไทม์ คุณจะต้องให้ระบบ ERP และแอปพลิเคชันอื่นๆ ส่งข้อมูลใหม่ระหว่างกันโดยอัตโนมัติ
Shopify เรียกพันธมิตรผู้พัฒนาเหล่านี้ว่า “iPaaS Partners” ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการคอนเน็กเตอร์สำเร็จรูปที่โฮสต์อยู่บนคลาวด์ของตนเอง โดยบริการ iPaaS เหล่านี้มักมีเครื่องมือช่วยเร่งการพัฒนา เช่น Maps และ Transformation Rules เพื่อให้การสร้าง flow การเชื่อมต่อและการตั้งค่า business rule ทำได้รวดเร็วขึ้น
Shopify สามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ ERP ชั้นนำหลายตัว เช่น
- NetSuite
- Acumatic
- Brightpearl
- Microsoft
ตัวอย่างเช่น ร้าน Shopify สามารถติดตั้งแอป NetSuite ERP Shopify และถ่ายโอนข้อมูลไปยัง NetSuite จากนั้นทีมติดตั้ง NetSuite หรือพันธมิตรที่มีใบรับรองสามารถเพิ่มการปรับแต่งเฉพาะให้เหมาะกับธุรกิจของคุณได้
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเชื่อมต่อระบบ ERP
ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อโปรแกรม ERP ครั้งที่ 1 หรือครั้งที่ 15 ให้จำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ดังนี้
วางแผนการเชื่อมต่อระบบให้ชัดเจน
ก่อนเริ่มต้นเชื่อมต่อโปรแกรม ERP เข้ากับระบบของคุณ ควรเริ่มจากการจัดทำแผนงานร่วมกับทีมอย่างรอบคอบ โดยควรมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบหลักที่เข้าใจทั้งเป้าหมายทางธุรกิจและกระบวนการภายในองค์กร เป็นผู้นำโครงการ พร้อมร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อเตรียมรับมือกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการ
- เหตุผลที่ต้องการเชื่อมต่อร้านของคุณกับระบบ ERP
- ข้อมูลใดที่ต้องการส่งจากร้านไปยัง ERP
- ข้อมูลใดที่ต้องการส่งจาก ERP ไปยังร้าน
- ช่องว่างในข้อมูลสินค้าในสต๊อกของคุณอยู่ที่ไหน
- ระบบอื่นๆ เช่น การจัดการคลังสินค้าหรือ 3PL ที่ต้องเชื่อมต่อ และการเชื่อมต่อจะทำงานอย่างไร
การวางแผนจะช่วยให้การเชื่อมต่อราบรื่นและลดโอกาสการเกิดสถิติความล้มเหลวของโครงการ ERP
แจ้งพนักงาน พันธมิตร และผู้จัดจำหน่ายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง
สำหรับธุรกิจที่ยังใช้ระบบเดิม (Legacy System) การเริ่มเชื่อมต่อโปรแกรม ERP มักมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงและการต่อต้านบางส่วน เนื่องจากกระบวนการทำงาน บทบาทหน้าที่ และระบบหลักขององค์กรอาจต้องปรับให้เข้ากับระบบใหม่ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดความไม่แน่ใจหรือความกังวลจากทีมงานบางฝ่าย
แม้แต่องค์กรที่ใช้ระบบ ERP บนคลาวด์ใหม่กว่า (เช่น Netsuite) ก็อาจต้องปรับกระบวนการภายในบางอย่าง เพื่อให้สอดคล้องกับระบบอีคอมเมิร์ซและเวิร์กโฟลว์เฉพาะ การสื่อสารที่ชัดเจนและต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ
หากทีมคลังสินค้าและโลจิสติกส์ไม่ได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนตั้งแต่ต้นอาจนำไปสู่ความสับสนเมื่อคำสั่งซื้อเริ่มเข้ามาในระบบ ERP จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ห ในทำนองเดียวกัน หากฝ่ายบริการลูกค้าไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนและระบบใหม่หลังการเชื่อมต่อ อาจทำให้การให้บริการไม่เป็นไปตามความคาดหวังของลูกค้า
จัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบและมีคุณภาพ
การจัดการข้อมูลที่ดีคือหัวใจสำคัญของการเชื่อมต่อโปรแกรม ERP การมีข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ และมีโครงสร้างชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการทางธุรกิจของคุณและส่งผลโดยตรงต่อผลประกอบการในระยะยาว
- ทำความสะอาดข้อมูลและปรับรูปแบบให้เป็นมาตรฐาน
- ตรวจสอบข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้อง
- ทบทวนสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล
- ลบข้อมูลที่ซ้ำซ้อนหรือไม่ถูกต้อง
การจัดการข้อมูลที่ดีจะลดความล่าช้าในระหว่างกระบวนการเชื่อมต่อและช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้เต็มศักยภาพ
Shopify ช่วยให้การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP เป็นเรื่องง่ายได้ยังไง?
เห็นได้ชัดว่าการเชื่อมต่อ ERP เป็นรากฐานของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จ ม่ ซึ่งในปัจจุบันมีมากถึงบริษัท 72% มีแพลตฟอร์มคอมเมิร์ซ SaaS ที่รวมเข้ากับการดำเนินงานทางธุรกิจอย่างสมบูรณ์แล้ว
ด้วยโปรแกรม Global ERP ของ Shopify คุณสามารถเเชื่อมต่อระบบ ERP เข้ากับร้านค้า Shopify ได้โดยตรงผ่านพันธมิตรด้าน ERP ชั้นนำใน Shopify App Store
นอกจากนี้ Shopify ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับสากลอย่าง Microsoft Dynamics 365 Business Central, Oracle NetSuite, Infor, Acumatica และ Brightpearl เพื่อทำให้การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP ง่ายดาย
ภาพหน้าจอของแอป ERP ใน Shopify App Store
เมื่อร้านและ ERP ของคุณเชื่อมต่อกัน คุณสามารถ
- เข้าถึงข้อมูลสินค้าคงคลัง สินค้า คำสั่งซื้อ และลูกค้าที่ถูกต้องแบบเรียลไทม์
- นำระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการนำไปใช้แบบกำหนดเองที่ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง
- มั่นใจได้ว่าข้อมูลทั้งหมดถูกซิงก์อย่างราบรื่นและปลอดภัย ระหว่างหน้าผู้ดูแลร้านค้า Shopify และระบบ ERP ของคุณ
ดูลิสต์พาร์ทเนอร์ ERP ของเราและโซลูชันที่พวกเขาให้บริการ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเชื่อมต่อโปรแกรม ERP
ERP คืออะไร มีวิธีการทำงานยังไง
ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ช่วยเชื่อมโยงกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน การขาย การจัดซื้อ และการบริหารงานอื่น ๆ โดยรวมทุกอย่างไว้ในระบบเดียว
การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP หมายถึงอะไร?
การเชื่อมต่อโปรแกรม ERP เข้ากับเครื่องมือซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันอื่น ๆ ภายในองค์กร เพื่อให้ข้อมูลและกระบวนการทำงานสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างราบรื่นในทุกแผนก เช่น การเงิน ทรัพยากรบุคคล ซัพพลายเชน สต็อกสินค้า การขาย และการตลาด
3 วิธีหลักในการเชื่อมต่อระบบ ERP มีอะไรบ้าง?
- การเชื่อมต่อเฉพาะ ตามความต้องการขององค์กร
- การเชื่อมต่อโดยตรงกับซอฟต์แวร์ที่รองรับ ERP อยู่แล้ว
- การเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุด ระหว่างสองระบบโดยตรง
บทบาทของ ERP ในเชิงธุรกิจคืออะไร?
บทบาทของ ERP คือการปรับปรุงและรวมกระบวนการ การดำเนินงาน และการไหลเวียนของข้อมูลในองค์กร โดยระบบ ERP จะรวมข้อมูลจากทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่แรงงาน ไปจนถึงวัสดุ การเงิน และร้านค้าออนไลน์ เพื่อนำมารวมเข้าในระบบศูนย์ข้อมูลเดียว


