ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบกราฟิก นักวาดภาพประกอบ หรือนักเขียน การมี Portfolio ออนไลน์จะช่วยให้คุณแชร์ผลงาน ดึงดูดลูกค้า และได้งาน ด้วยเว็บทํา Portfolio ที่เหมาะสม คุณสามารถจัดระเบียบผลงานได้ตามต้องการ และเน้นจุดเด่นของโปรเจกต์ของคุณ
ข่าวดีคือ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเว็บไซต์ก็สามารถแชร์ผลงานของคุณทางออนไลน์ได้ เพราะมีเทมเพลต Portfolio แบบไม่ต้องเขียนโค้ดมากมายให้คุณเลือกใช้ คุณสามารถปรับแต่งเทมเพลตเหล่านี้ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะตัวของคุณ ซึ่งอาจหมายถึงการเลือกที่อยู่เว็บไซต์ของคุณเองเพื่อให้ Portfolio ของคุณจดจำได้ง่าย จัดระเบียบโปรเจกต์ของคุณเป็นแกลเลอรีสำหรับลูกค้าเฉพาะราย หรือเพิ่มเครื่องมือค้นหาเพื่อให้ผู้เข้าชมค้นหาผลงานที่สนใจได้อย่างรวดเร็ว
คู่มือนี้ครอบคลุมตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการแสดงผลงานสร้างสรรค์ของคุณตั้งแต่เว็บทํา Portfolio ออนไลน์ฟรีไปจนถึงโปรแกรมสร้างเว็บไซต์มืออาชีพ
ทำไมคุณถึงต้องใช้เว็บทํา Portfolio
เว็บทํา Portfolio จะช่วยนำเสนอโปรเจกต์ที่คุณทำมาก่อนในอดีต ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับครีเอเตอร์ซึ่งรวมถึงนักออกแบบ นักเขียน และช่างภาพ เพราะลูกค้าหรือนายจ้างจะสามารถเห็นผลงานของคุณ เพื่อตัดสินใจว่าสไตล์ ทักษะ และประสบการณ์ของคุณตรงกับสิ่งที่พวกเขากำลังมองหาหรือไม่ ซึ่งเรซูเม่เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำได้
เว็บไซต์ Portfolio ยังช่วยให้คุณสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านการเล่าเรื่องด้วยภาพและคำบรรยาย เว็บไซต์เหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าชมเข้าใจกระบวนการสร้างสรรค์ของคุณ ขอบเขตของผลงาน และรูปแบบการทำงานของคุณ
ในบางกรณี การเลือกเว็บสร้าง Portfolio อาจส่งผลต่อโอกาสในการได้งานฟรีแลนซ์ เครื่องมืออย่าง Dribbble มีเว็บบอร์ดงานในตัวที่ช่วยให้ลูกค้าเป้าหมายค้นพบงานของคุณได้
3 ประเภทของเว็บไซต์ทำ Portfolio
ขณะที่คุณสำรวจตัวเลือกต่างๆ ในเว็บทํา Portfolio โปรดจดจำหมวดหมู่หลักสามหมวดหมู่ได้แก่ โปรแกรมสร้าง Portfolio ออนไลน์ โซลูชัน Portfolio แบบโฮสต์ และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
1. โปรแกรมสร้าง Portfolio ออนไลน์
โปรแกรมสร้าง Portfolio ออนไลน์ช่วยให้คุณรวบรวมและนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ของคุณได้อย่างกระชับและน่าสนใจ Portfolio ดิจิทัลมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย (เช่น เว็บไซต์ส่วนตัว ของนักเขียนอิสระที่นำเสนอบทความที่ตีพิมพ์ไปแล้ว) ไปจนถึง Portfolio แบบหน้าเดียวที่เลื่อนดูได้ (ซึ่งนักออกแบบกราฟิกอาจส่งมาเพื่อประกอบการสมัครงาน)
2. โซลูชัน Portfolio แบบโฮสต์
ด้วยเครื่องมือสร้างเว็บไซต์แบบโฮสต์ Portfolio ของคุณจะปรากฏบนแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ควบคู่ไปกับ Portfolio จากคนทำคอนเทนต์รายอื่น ตัวอย่างเช่น Dribbble และ Behance ซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์มยังทำหน้าที่เป็นเว็บบอร์ดงานอีกด้วย
คุณอาจจะไม่ได้รับชื่อโดเมนที่กำหนดเองสำหรับ Portfolio ของคุณ แต่โซลูชัน Portfolio แบบโฮสต์จะให้บริการโฮสติ้งที่ปลอดภัยและเครื่องมือค้นหาอันทรงพลังเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นพบผลงานของคุณ
3. แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ครีเอเตอร์บางรายใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram และ TikTok เป็นแพลตฟอร์มหลักใน Portfolio นอกจากจะใช้งานได้ฟรีแล้ว เว็บไซต์โซเชียลมีเดียยังถูกจัดทำดัชนีอย่างดีโดยเสิร์ชเอนจิ้นช่วยให้ผลงานของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ผู้ใช้รายอื่นยังสามารถแชร์หรือแสดงความคิดเห็นในโพสต์ของคุณได้ ซึ่งจะช่วยขยายการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเขา
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียช่วยให้คุณใส่เนื้อหาได้มากกว่าแค่รูปภาพผลงานของคุณ คอนเทนต์อย่างคลิปสัมภาษณ์หรือวิดีโอชีวิตประจำวันสามารถช่วยเสริมสร้างแบรนด์ส่วนตัวของคุณให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเว็บทํา Portfolio ที่ดีที่สุด แบ่งตามประเภทธุรกิจ
Portfolio ออกแบบกราฟิกของ Victoria
Victoria เป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Dribbble เป็นพื้นที่แสดงผลงานของเธอ ด้านบนของหน้าเว็บไซต์ (หรือที่เรียกว่า “above the fold” ซึ่งเป็นส่วนที่ผู้ชมเห็นก่อนโดยไม่ต้องเลื่อนหน้า) จะมีภาพแนะนำตัวและข้อความต้อนรับจากเธอ พร้อมข้อความขายหลักที่ระบุว่าเป็น “Framer expert”
จุดเด่นของ Portfolio Victoria คือการใช้แพลตฟอร์ม Dribbble ทำให้ผู้ชมเห็นได้ทันทีว่าเธอมีผู้ติดตามมากกว่า 35,000 คน ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเป็น Social proof ว่าผลงานของเธอได้รับการยอมรับ ส่งผลให้ลูกค้าใหม่รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อติดต่อเธอ

Portfolio งานเขียนของ Ivy
นักข่าวสายอาหาร Ivy Lerner-Frank ใช้เครื่องมือสร้าง Portfolio ของ Authory เพื่อแสดงตัวอย่างงานเขียนของเธอ โดยมีคำอธิบายสั้น ๆ ว่าเธออยู่ที่ไหนและเขียนเกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง พร้อมลิงก์ไปยังโซเชียลมีเดีย สำหรับลูกค้าที่อยากติดตามผลงานใหม่ ๆ หรือส่งข้อความถึงเธอโดยตรง
ข้อดีอีกอย่างของ Authory คือผู้ชมสามารถกรองผลงานของ Ivy ได้ตามประเภทเนื้อหาหรือชื่อสำนักพิมพ์ รวมถึงมีช่องค้นหาในตัว เช่น หากลูกค้าต้องการอ่านรีวิวร้านอาหารเฉพาะแห่ง ก็สามารถค้นหาได้ทันทีอย่างสะดวก
Portfolio ของ Ivy Lerner-Frank บน Authory
Portfolio ภาพถ่ายของ Felix
ช่างภาพ Felix Ezema ใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Portfolio ของ Behance เพื่อโชว์ผลงานของเขา จุดเด่นของ Behance คือช่วยให้ลูกค้าเห็นข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว เช่น สถานที่ตั้งของเขา ช่วงเวลาที่รับงาน และประเภทของงานถ่ายภาพที่รับ
นอกจากดีไซน์เว็บไซต์ที่เรียบง่ายและเน้นภาพถ่ายของ Felix เป็นหลักแล้ว Behance ยังแสดงจำนวนยอดเข้าชม ยอดกดชื่นชม และจำนวนผู้ติดตามไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับ Portfolio ของเขา
Felix ใช้ Behance ในการสร้าง Portfolio ภาพถ่ายของเขา
เว็บทํา Portfolio 15 อันดับแรกสำหรับปี 2026
- Journo Portfolio
- WordPress
- Authory
- Behance
- Adobe Portfolio
- Canva
- Webflow
- Dribbble
- Framer
- Carbonmade
- Fabrik
- Dunked
- Pixpa
- Format
จำนวนตัวเลือกเว็บทํา Portfolio ออนไลน์ที่มีอยู่มากมายอาจทำให้รู้สึกท่วมท้น เริ่มค้นหาของคุณด้วยการรวบรวมเว็บทํา Portfolio ฟรีที่ดีที่สุดเพื่อแสดงผลงานของคุณ
1. Journo Portfolio
เว็บไซต์ทํา Portfolio สำหรับ: นักเขียนบทโฆษณา นักออกแบบ ศิลปินด้านภาพ และนักข่าว
Journo Portfolio ให้คุณแชร์ทั้งงานภาพและงานเขียน เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับศิลปิน นักออกแบบ นักเขียนคำโฆษณา นักข่าว และผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร คุณสามารถเลือกเทมเพลต อัปโหลดเนื้อหา และปรับแต่งเลย์เอาต์ด้วยรูปเฮดเดอร์ ฟอนต์ และสีต่างๆ
ราคา: ฟรีสำหรับไซต์ที่มีรายการสูงสุด 10 รายการและชื่อโดเมน journoportfolio.com เริ่มต้นที่ 249 บาทต่อเดือนสำหรับการอัพโหลดเพิ่มเติม ชื่อโดเมนที่กำหนดเอง และสิทธิพิเศษ เช่น การทำงานร่วมกันกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์หลายราย
2. WordPress
เว็บสร้าง Portfolio สำหรับ: นักเขียนและครีเอเตอร์ที่ต้องการการปรับแต่งอย่างกว้างขวาง
WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ใช้ขับเคลื่อนเว็บไซต์ทั่วโลกประมาณ 43%
WordPress มีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้หลากหลาย จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับครีเอเตอร์ที่มีวิสัยทัศน์เฉพาะด้าน นอกจากนี้ยังมีเทมเพลต Portfolio มากมายให้คุณเริ่มต้นใช้งานได้ นอกจากนี้ยังมีไลบรารีการผสานรวมแอปมากมายให้คุณปรับแต่งเทคสแต็กของคุณได้
ราคา: ฟรีสำหรับหน้าเว็บและอัพโหลดไม่จำกัดจำนวนด้วยชื่อโดเมน wordpress.com เริ่มต้นที่ 129 บาท/เดือนสำหรับชื่อโดเมนที่เลือกเอง
3. Authory
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: นักเขียนที่ต้องการเครื่องมือสร้าง Portfolio แบบ "ตั้งค่าแล้วลืมไปได้เลย"
Authory คือเว็บทํา Portfolio ที่ออกแบบมาสำหรับนักเขียน นักประพันธ์ และนักข่าว โปรแกรมนี้ทำงานแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ แทนที่จะเพิ่มงานแต่ละชิ้นด้วยตนเอง Authory จะสแกนเว็บเพื่อค้นหาเนื้อหาที่มีชื่อของคุณ ระบบจะดึงเนื้อหานี้เข้าสู่ Portfolio ของคุณโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณอัปเดตอยู่เสมอ
ราคา: เริ่มต้นที่ 369 บาทต่อเดือนสำหรับเนื้อหารายการไม่จำกัดและ Portfolio ที่อัปเดตได้เอง แพ็คเกจ Professional (599 บาท ต่อเดือน) เพิ่มการรองรับโดเมนแบบกำหนดเอง การรวม Zapier และการอัปเดตบ่อยขึ้น
4. Instagram
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: ครีเอเตอร์ที่กำลังมองหาโอกาสในการมีส่วนร่วมและการสร้างเครือข่ายในชุมชน
Instagram ไม่ใช่แค่แอปโซเชียลเน็ตเวิร์ก สำหรับติดตามเพื่อน คนรู้จักและคนดังเท่านั้น คุณสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อแชร์ผลงานของคุณกับผู้คนจำนวนมาก และสร้างชุมชนที่เชื่อมโยงผลงานของคุณเข้าด้วยกัน คุณยังสามารถใช้โพสต์ แท็ก และสตอรี่ร่วมกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์และเพื่อนครีเอเตอร์ได้อีกด้วย
ราคา: ฟรีสำหรับทั้งบัญชีส่วนตัวและธุรกิจ
5. Behance
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: ครีเอเตอร์ที่ต้องการจองลูกค้าใหม่และค้นหาแรงบันดาลใจจากครีเอเตอร์คนอื่นๆ
Behance ของ Adobe เป็นการผสมผสานระหว่าง Instagram และ LinkedIn เช่นเดียวกับ Instagram Behance นำเสนอผลงานสร้างสรรค์ในรูปแบบกริดแบบเลื่อนได้ และเช่นเดียวกับ LinkedIn แพลตฟอร์มนี้เชื่อมต่อครีเอเตอร์เข้ากับผู้ร่วมงานและนายจ้างที่มีศักยภาพ คุณยังสามารถติดตามผู้ใช้ที่คุณชื่นชมเพื่ออัปเดตผลงานของพวกเขาได้อีกด้วย
ลูกค้าสามารถกรองผลงานใน Behance ตามความเชี่ยวชาญ สถานที่ และบริการที่นำเสนอ จากนั้นติดต่อพวกเขาเกี่ยวกับการจ้างงานแบบฟรีแลนซ์และงานประจำ
ราคา: ฟรีสำหรับบัญชีพื้นฐาน 299 บาท/เดือนสำหรับบัญชี Behance Pro พร้อมฟังก์ชันเพิ่มเติมและค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม 0%
6. Adobe Portfolio
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: ครีเอเตอร์ที่ใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขวิดีโอและภาพของ Adobe
เช่นเดียวกับเว็บทํา Portfolio อื่นๆ Adobe Portfolio นำเสนอเทมเพลตที่สวยงามและปรับแต่งได้ และให้คุณใช้ชื่อโดเมนแบบกำหนดเองได้
Adobe Portfolio โดดเด่นในด้านการบูรณการที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับ Adobe Creative Cloud: คุณสามารถเผยแพร่ผลงานได้สูงสุด 5 ชิ้น และด้วยค่าใช้จ่ายเพียง 1499 บาท/เดือน คุณก็สามารถเข้าถึงชุด Creative Cloud ระดับสูงสุดของ Adobe ซึ่งประกอบด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น Photoshop, Premiere Pro และ Lightroom
ราคา: ฟรีเมื่อสมัครสมาชิก Creative Cloud มิฉะนั้นจะมีค่าใช้จ่าย 299 บาท/เดือนสำหรับ Portfolio สูงสุด 5 รายการ
7. Canva
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: ครีเอเตอร์ที่กำลังมองหาไซต์ Portfolio แบบหน้าเดียวที่เรียบง่าย
เว็บสำหรับทำ Portfolio อย่าง Canva นำเสนอเทมเพลตสำหรับทำ Portfolio แบบหน้าเดียว ซึ่งเป็นเว็บไซต์เรียบง่ายที่เลื่อนดูได้อย่างต่อเนื่อง นี่อาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ขึ้นอยู่กับโปรเจกต์ของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากระบบนำทางอาจทำให้เสียสมาธิจากงานของคุณ
ยิ่งไปกว่านั้น การแก้ไข Portfolio ใน Canva ก็ง่ายยิ่งกว่าที่เคย อินเทอร์เฟซคล้ายกับโปรแกรมแก้ไขสไลด์ ทำให้เรียนรู้ได้ง่าย แพลตฟอร์มนี้มีผู้ใช้มากกว่า 170 ล้านคนให้คุณปรับแต่งส่วนต่างๆ ได้หลายส่วนพร้อมกัน ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของโปรเจกต์ทั้งหมดได้
ราคา: ฟรีพร้อมโดเมนย่อย Canva; ฟีเจอร์ขั้นสูงและตัวเลือกในการลบโดเมนย่อย Canva มาพร้อมกับแพ็คเกจ Canva Pro เริ่มต้นที่ 390 บาท/เดือน
8. Webflow
เว็บไซต์ทํา Portfolio สำหรับ: ครีเอเตอร์ที่มีวิสัยทัศน์เฉพาะสำหรับผลงานของตน
Webflow เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมหากคุณกำลังมองหาความสามารถและการปรับแต่งเว็บไซต์แบบครบครันโดยไม่ต้องเขียนโค้ด
คุณจะเลือกได้ระหว่างหน้าเปล่า เทมเพลต หรือวิดีโอแนะนำการใช้งาน ด้วยตัวเลือกฟ้อนท์ที่มากกว่า 2,000 แบบและตัวเลือกการออกแบบที่ละเอียดถึงระดับความทึบและความเบลอ คุณสามารถปรับแต่งทุกรายละเอียดบนเว็บไซต์ของคุณได้อย่างละเอียด
ราคา: ฟรีสองหน้าสำหรับโดเมน webflow.io เริ่มต้นที่ 499 บาทต่อเดือนสำหรับโดเมนที่กำหนดเองพร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น แบนด์วิดท์เว็บไซต์ที่สูงขึ้นและเครื่องมือแก้ไขหลายตัว
9. Dribbble
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: นักออกแบบกราฟิกที่กำลังมองหางานใหม่
Dribbble ช่วยให้นักออกแบบนำเสนอผลงานของพวกเขาต่อลูกค้าและเพื่อนนักออกแบบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแบ่งปันผลงานและหาแรงบันดาลใจสำหรับโปรเจกต์ในอนาคต
เว็บนี้ทำหน้าที่เป็นเว็บบอร์ดงาน และระบบจัดทำดัชนีเว็บไซต์อันทรงพลัง ด้วยคุณลักษณะการค้นหาที่แม่นยำจะช่วยให้นายจ้างที่มีแนวโน้มจะจ้างคุณพบคุณได้อย่างง่ายดาย
ราคา: ฟรีสำหรับบัญชีพื้นฐาน; 249 บาทต่อเดือนสำหรับบัญชี Dribbble Pro
10. Framer
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: การปรับแต่งการออกแบบขั้นสูง
Framer คือเว็บทําพอร์ตฟอลิโอที่ออกแบบมาเพื่อนักออกแบบโดยเฉพาะ คุณสามารถใช้มันเพื่อสร้าง Portfolio ที่จะแสดงผลงานของคุณและเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายผ่านคลังผู้เชี่ยวชาญของ Framer
ราคา: แพ็คเกจส่วนบุคคลเริ่มต้นที่ 149 บาทต่อเดือนใช้ได้ 2 หน้าและโดเมนที่กำหนด แพ็กเกจพื้นฐานราคา 499 บาท/เดือน มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษมากมาย เช่น รองรับหน้าเว็บสูงสุด 1,000 หน้า และแบนด์วิดท์ 50 GB
11. Carbonmade
Carbonmade ออกแบบเว็บทํา Portfolio สำหรับมืออาชีพมากกว่าสองล้านคนที่ต้องการนำเสนอผลงานด้านภาพ เช่น ช่างภาพ นักออกแบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (UI) และครีเอทีฟไดเรกเตอร์
หลังจากระบุอาชีพของคุณแล้ว คุณจะเห็นรายการเทมเพลตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งได้หลังจากอัปโหลดโปรเจ็กต์ของคุณ เทมเพลตเหล่านี้ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ที่ออกแบบมาสำหรับงานด้านภาพ เช่น สไลด์โชว์ การครอบตัดรูปภาพ และคำบรรยายภาพ
ราคา: 269 บาทต่อเดือนสำหรับผู้เริ่มต้นที่มีโปรเจ็กต์สูงสุด 8 โปรเจ็กต์ 349 บาทต่อเดือนสำหรับชื่อโดเมนที่กำหนดเอง โปรเจ็กต์เพิ่มเติม และการวิเคราะห์ Portfolio
12. Fabrik
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: ครีเอเตอร์ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเสียเวลาในการออกแบบเว็บไซต์
Fabrik คือเว็บทํา Portfolio ที่ออกแบบมาสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ ช่างภาพ ศิลปิน และนักออกแบบ
คุณเริ่มต้นด้วยการเลือกเทมเพลต Portfolio และอัปโหลดโปรเจ็กต์ของคุณ จากนั้น แทนที่จะเพิ่มเนื้อหาลงในแต่ละส่วนด้วยตนเอง Fabrik จะจัดเรียงเนื้อหาของคุณลงในเทมเพลตให้โดยอัตโนมัติ คุณสามารถปรับแต่งเลย์เอาต์ได้ตลอดเวลาตามต้องการ
ราคา: 299 บาทต่อเดือนสำหรับ Portfolio 10 รายการ โปรเจ็กต์ 50 โปรเจ็กต์ และพื้นที่จัดเก็บสื่อ 2 GB; เริ่มต้นที่ 429 บาทต่อเดือนสำหรับ Portfolio โปรเจ็กต์ และพื้นที่จัดเก็บสื่อเพิ่มเติม
13. Dunked
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: ครีเอเตอร์งานด้านภาพที่กำลังมองหาวิธีที่รวดเร็วและง่ายดายในการสร้างเว็บไซต์ Portfolio
Dunked คือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายสุดๆ พร้อมเทมเพลต Portfolio ให้เลือกถึง 18 แบบ ฟังก์ชันลากและวางช่วยให้คุณจัดเรียงรูปภาพที่อัปโหลดได้อย่างง่ายดาย และคุณยังสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ด้วยโลโก้และสโลแกน ฟอนต์และสี รวมถึงโค้ด CSS ได้อีกด้วย
คุณสามารถเพิ่มหน้าติดต่อเรา คำถามที่พบบ่อยและเกี่ยวกับเราได้เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมผลงานสามารถสอบถามเกี่ยวกับบริการของคุณได้สะดวก
ราคา: 249 บาทต่อเดือนสำหรับ 100 โปรเจกต์ 100 หน้า และโดเมนที่กำหนดเอง 599 บาทต่อเดือนสำหรับโปรเจกต์และหน้าไม่จำกัดจำนวน
14. Pixpa
เว็บทําพอร์ตฟอลิโอสำหรับ: ครีเอเตอร์ที่กำลังมองหาผลงานที่มีสไตล์พร้อมเทมเพลต
Pixpa จะแจ้งให้คุณเลือกเทมเพลตที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับประเภทงานที่คุณกำลังจัดแสดง (เช่น การออกแบบ UI หรือแอนิเมชัน) และให้คุณเรียกดูตัวอย่างผลงานเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ
หลังจากเลือกสีและฟ้อนท์แล้ว คุณจะเข้าสู่โปรแกรมแก้ไขที่คุณสามารถเพิ่มข้อความ ฝังฟีเจอร์ และอัปโหลดรูปภาพได้ แม้กระทั่งเมื่อเพิ่มส่วนต่างๆ ของหน้า คุณก็สามารถเลือกจากเทมเพลตที่มีอยู่ได้ วิธีนี้ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณดูสวยงามและเป็นมืออาชีพ แม้ว่าการออกแบบเว็บจะไม่ใช่สิ่งที่คุณเชี่ยวชาญก็ตาม
ราคา: 239 บาทต่อเดือนสำหรับ 10 หน้า รูปภาพ 200 ภาพ และโดเมนฟรี 1 ปี เริ่มต้นที่ 459 บาทต่อเดือนสำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง
15. Format
เว็บทํา Portfolio สำหรับ: ครีเอเตอร์ที่กำลังมองหาเว็บไซต์ที่ปรับให้เหมาะกับการค้นหาซึ่งสามารถจองลูกค้าได้
Format ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามได้ในพริบตา ผู้เชี่ยวชาญด้านครีเอทีฟกว่า 50,000 คนใน 190 ประเทศไว้วางใจ
หลังจากที่คุณป้อนอุตสาหกรรมและอาชีพของคุณแล้ว รูปแบบจะแนะนำเทมเพลตที่เหมาะกับประเภทงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ ศิลปะ การออกแบบ แฟชั่น หรือเนื้อหา
แม้ว่า Format จะเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย แต่ก็มีฟีเจอร์ขั้นสูงกว่าเว็บทํา Portfolio อื่นๆ คุณสามารถสร้างลิงก์ดาวน์โหลดสำหรับลูกค้า และใช้เครื่องมือ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นของคุณ
ราคา: เริ่มต้นที่ 249 บาทต่อเดือนสำหรับเว็บไซต์ 10 หน้าและอัปโหลดรูปภาพความละเอียดสูง 70 รูป เริ่มต้นที่ 329 บาท ต่อเดือนสำหรับการอัปโหลดไม่จำกัดและพื้นที่จัดเก็บวิดีโอที่เพิ่มขึ้น
วิธีเลือกเว็บทํา Portfolio ที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ
- กำหนดความต้องการและงบประมาณของคุณ
- ค้นคว้าและเปรียบเทียบตัวเลือกต่าง ๆ
- พิจารณาประสบการณ์ของผู้ใช้และการออกแบบ
มีตัวเลือกมากมายให้เลือกสรรเมื่อต้องเลือกเว็บทํา Portfolio ลองใช้สามขั้นตอนนี้เพื่อจำกัดตัวเลือกและเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม
1. กำหนดความต้องการและงบประมาณของคุณ
ก่อนตัดสินใจเลือกเว็บทํา Portfolio ให้พิจารณาวัตถุประสงค์ของ Portfolio ประเภทของงานที่คุณกำลังแสดง และงบประมาณของคุณ
ตัวอย่างเช่น Portfolio ของคุณเป็นเอกสารประกอบการสมัครงาน หรือคุณตั้งเป้าดึงดูดลูกค้าผ่านการค้นหาแบบออร์แกนิก สำหรับแบบหลัง คุณอาจต้องการชื่อโดเมนที่กำหนดเองและเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ ที่มีเครื่องมือ SEO ซึ่งจะช่วยลดตัวเลือกเว็บทํา Portfolio ได้เป็นจำนวนมาก
ในทางกลับกัน หากวัตถุประสงค์ของ Portfolio ของคุณคือการแบ่งปันตัวอย่างผลงานกับทีมงานสรรหาบุคลากร เว็บไซต์แบบหน้าเดียวที่ไม่มีโดเมนที่กำหนดเองก็น่าจะเพียงพอแล้ว
อย่าลืมคำนึงถึงต้นทุนของเว็บทํา Portfolio ในการวางแผนทางการเงินระยะยาวของคุณด้วย เว็บทํา Portfolio ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บเงินเป็นรายเดือนหรือรายปี
2. ค้นคว้าและเปรียบเทียบตัวเลือกต่าง ๆ
เมื่อคุณประเมินความต้องการและงบประมาณของคุณแล้ว ก็ถึงเวลาสำรวจแพลตฟอร์มที่มีอยู่ บางตัวเลือกเหมาะกับสาขาเฉพาะ เช่น การเขียนหรือการออกแบบ UI เป็นต้น และบางตัวเลือกก็ดึงดูดลูกค้าได้ดีกว่าตัวเลือกอื่นๆ
หากคุณต้องการอัปเดตผลงานการถ่ายภาพล่าสุดของคุณ ให้กลุ่มเป้าหมายทราบอยู่เสมอ เช่น คุณอาจเลือกใช้แพลตฟอร์มอย่าง Instagram เลือกใช้เว็บทํา Portfolio อย่าง Dribbble หากคุณต้องการนำเสนอผลงานที่ผ่านมาในแคมเปญโฆษณาให้กับนายจ้างหรือลูกค้าเป้าหมาย
3. พิจารณาประสบการณ์ผู้ใช้และการออกแบบ
หลายแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์ที่คล้ายคลึงกันในราคาที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นตัวเลือกของคุณอาจขึ้นอยู่กับประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และ UI เวิร์กโฟลว์ของแต่ละคนแตกต่างกัน และคุณอาจคุ้นเคยกับรูปแบบอินเทอร์เฟซบางแบบมากกว่า นอกจากนี้ คุณอาจชอบเครื่องมือสร้าง Portfolio แบบเทมเพลตมากกว่าตัวเลือกที่ปรับแต่งได้
เว็บทํา Portfolio แบบเสียเงินหลายแห่งมีให้ทดลองใช้งานฟรี ซึ่งให้คุณเริ่มต้นใช้งานเว็บไซต์ฟรีได้ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนเป็นแพ็คเกจแบบชำระเงินหรือไม่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเว็บทํา Portfolio ฟรี
เราสามารถรวมเว็บสร้าง Portfolio เข้ากับโซเชียลมีเดียได้หรือไม่
คุณสามารถผสานรวมเว็บทํา Portfolio เข้ากับโซเชียลมีเดียได้หลายวิธี คุณสามารถฝังฟีดโซเชียลมีเดียลงในโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ เช่น WordPress หรือตั้งค่าเพจโซเชียลมีเดียเพื่อแสดง Portfolio ของคุณ ตัวอย่างเช่น การใช้ Instagram เพื่อแชร์งานศิลปะ หรือ TikTok เพื่อแชร์วิดีโอ คุณยังสามารถเข้าร่วมเว็บไซต์เครือข่ายสร้างสรรค์อย่าง Behance ที่เน้นเฉพาะ Portfolio ด้านการออกแบบได้อีกด้วย
เราจะรวมเว็บทํา Portfolio เข้ากับร้านขายของออนไลน์ได้หรือไม่
ได้ คุณสามารถผสานรวมเว็บไซต์สร้าง Portfolio ของคุณเข้ากับร้านค้าอีคอมเมิร์ซได้อย่างง่ายดาย หากคุณใช้ Shopify คุณสามารถเพิ่มฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซเพื่อขายผลงานของคุณได้อย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่มีเครื่องมือฟรีที่ช่วยให้คุณฝังเนื้อหาของร้านค้าลงในเว็บไซต์ได้
จะมั่นใจได้ยังไงว่าเว็บทํา Portfolio ที่ใช้อยู่มีประสิทธิภาพ
เว็บ Portfolioที่มีประสิทธิภาพที่สุดจะเน้นผลงานที่ดีที่สุดของคุณและนำเสนอต่อกลุ่มเป้าหมาย หากคุณกำลังสร้าง Portfolio เพื่อช่วยให้คุณได้รับการว่าจ้าง ลองพิจารณาเว็บไซต์อย่าง Behance, Dribbble และ Coroflot หากคุณต้องการขยายเครือข่าย ให้แชร์ผลงานของคุณบนเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย เช่น Instagram หากคุณเน้นการจัดแสดงสินค้ามากกว่าการสร้างเครือข่าย ลองพิจารณาใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Portfolio เช่น Adobe Portfolio, WordPress, Squarespace หรือ Carbonmade
เราสามารถสร้าง Portfolio ได้ฟรีหรือไม่
ทำได้ มีเว็บไซต์ทํา Portfolio ฟรีมากมาย ได้แก่ เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย เช่น Instagram และ TikTok หากต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติม ลองเว็บทํา Portfolio อย่าง Journo Portfolio ซึ่งมีให้บริการฟรี อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าเว็บทํา Portfolio ที่ครอบคลุมที่สุดมักจะมีค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิก ดังนั้นหากคุณต้องการปรับแต่งขั้นสูง คุณอาจต้องใช้แพ็กเกจแบบชำระเงิน


