คุณตัดสินใจเปิดร้านค้าออนไลน์แล้ว มีสินค้าอย่างน้อยหนึ่งรายการ แถมยังตื่นเต้นสุดๆ ที่จะได้เริ่มขายของ สินค้าของคุณอาจดูสวยดีเวลาวางอยู่ในห้องหรือในออฟฟิศที่บ้าน แต่คุณจะมั่นใจได้ยังไงล่ะว่าสินค้าของคุณจะโดดเด่นสะดุดตาในยุคที่มองทางไหนก็เจอแต่ฟิลเตอร์ของ Instagram
บอกเลยว่าไม่ต้องกังวล คุณไม่ต้องเป็นช่างภาพมือโปรเพื่อที่จะถ่ายภาพสินค้าให้น่าสนใจ เพราะในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีถ่ายรูปสินค้าไปทีละขั้นตอน โดยใช้แค่แสงธรรมชาติและแอปถ่ายรูปดีๆ สักแอป
6 ขั้นตอนถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือให้สวยเหมือนมือโปร
- ใช้ห้องที่มีแสงสว่างดี
- เลือกสมาร์ทโฟนของคุณ
- ใช้ขาตั้งกล้องไซส์มินิ
- จัดฉากหลังให้เรียบร้อย
- ใช้แผ่นสะท้อนแสงสีขาว
- ตั้งแผ่นกระจายแสงหากแสงแดดสว่างเกินไป
เจ้าของร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่คงพอรู้พื้นฐานของการถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือกันอยู่แล้ว อย่างเช่น หาพื้นหลังสีขาว ใช้แสงธรรมชาติ ปรับการตั้งค่าและความละเอียดของกล้องมือถือให้สูงที่สุด แล้วกดถ่าย เพียงเท่านี้คุณก็ได้ภาพสินค้าเรียบร้อย ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก
แต่จริงๆ แล้วยังมีอุปกรณ์เสริมอีกไม่กี่อย่างที่ช่วยยกระดับภาพถ่ายของคุณได้เยอะ ทำให้สินค้าดูน่าสนใจและช่วยให้ลูกค้านึกภาพออกว่าสินค้านี้จะเข้ากับชีวิตประจำวันของพวกเขาได้อย่างไร
ถ้าคุณอยากใช้สมาร์ทโฟนถ่ายรูปสินค้าให้ออกมาดูเหมือนช่างภาพมืออาชีพ นี่คือวิธีการจัดเซ็ตอัพที่คุณควรรู้
1. ใช้ห้องที่มีแสงสว่างดี
เริ่มจากหาห้องในบ้านที่มีหน้าต่างและแสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เต็มที่ ยิ่งหน้าต่างใหญ่ก็ยิ่งได้แสงมาก ช่วยให้สินค้าของคุณดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ภาพจาก Pixc แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถตั้งสตูดิโอถ่ายภาพสินค้าแบบมืออาชีพที่บ้านได้อย่างไร
การถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือใกล้หน้าต่างจะสร้างแสงที่นุ่มนวลพร้อมเงาที่เข้มขึ้น การอยู่ห่างจากแหล่งแสงจะทำให้เงาเบาลงและเส้นขอบคมชัด
2. เลือกสมาร์ทโฟนของคุณ
ทุกวันนี้กล้องสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่สามารถใช้แทนกล้อง DSLR สำหรับถ่ายรูปสินค้าได้อย่างสบาย ยิ่งจำนวนพิกเซลสูงเท่าไหร่ ภาพถ่ายสินค้าก็จะออกมาคมชัดและสวยงามมากขึ้น
คุณสามารถใช้สมาร์ทโฟนที่มีกล้องคุณภาพดีได้ทุกยี่ห้อ แต่ควรเลือกใช้รุ่นใหม่ที่มีกล้องอย่างน้อย 12 เมกะพิกเซลขึ้นไป จะช่วยให้ได้ภาพที่ดูเป็นมืออาชีพมากกว่า
3. ใช้ขาตั้งกล้องไซส์มินิ
ขาตั้งกล้องขนาดเล็กมีหลายราคาให้เลือก ตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง แต่ไม่ว่าคุณจะมีงบประมาณเท่าไหร่ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะช่วยลดการสั่นของกล้อง และทำให้มุมถ่ายรวมถึงสไตล์ของภาพสินค้าดูสม่ำเสมอมากขึ้น
ถ้าต้องการขาตั้งแบบเรียบง่าย เราขอแนะนำ Manfrotto Pixi mini tripod kit เพราะเหมาะสำหรับมือใหม่ ใช้งานง่าย ช่วยยึดมือถือให้อยู่กับที่ และยังวางบนฉากหลังได้สะดวก เพื่อถ่ายภาพสินค้าที่คมชัดและสวยคุณภาพสูง
ขาตั้งกล้อง Manfrotto Pixi เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ด้วยโทรศัพท์มือถือสำหรับมือใหม่
4. จัดฉากหลังให้เรียบร้อย
ก่อนถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือ ควรวางฉากหลังสีขาวไว้ด้านหลังสินค้าเพื่อให้ภาพถ่ายดูสะอาด สม่ำเสมอ และไม่มีสิ่งรบกวนสายตา คุณสามารถใช้กระดาษขาว หรือซื้อกระดาษโปสเตอร์ราคาย่อมเยาจากร้านขายยาใกล้บ้านหรือร้านเครื่องเขียนก็ได้ และคุณจะต้องมีโต๊ะสำหรับวางฉากหลังด้วย
คุณสามารถใช้เทปกาวช่วยยึดฉากหลังให้อยู่กับที่ หรือใช้ยึดตัวสินค้าติดกับฉากหลังก็ได้
ควรรักษาฉากหลังให้เป็นสีขาวเสมอ เพราะฉากหลังสีขาวจะสะท้อนแสงธรรมชาติกลับมาที่สินค้า ทำให้ภาพออกมาแสงสม่ำเสมอ และยังทำให้ง่ายต่อการแก้ไขภาพหากต้องการลบฉากหลังออก หากใช้สีครีมหรือสีขาวหม่นจะทำให้แก้ไขและจัดแสงได้ยากกว่า อีกทั้งควรวางฉากหลังทั้งด้านหลังและด้านล่างสินค้าด้วย
ฉากหลังของคุณควรเป็นสีขาวสะอาดตา
5. ใช้แผ่นสะท้อนแสงสีขาว
การควบคุมแสงถือเป็นสิ่งสำคัญเมื่อคุณกำลังเรียนรู้วิธีถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือ iPhone หรือ Android แผ่นสะท้อนแสงช่วยลดเงาที่เข้มเกินไป และสร้างสภาพแสงที่สมดุลมากขึ้น ทำให้รายละเอียดของสินค้าดูชัดเจนและโดดเด่นขึ้น คุณสามารถซื้อแผ่นสะท้อนแสงสีขาวที่ทำจากโฟมได้ใน Shopee
6. ตั้งแผ่นกระจายแสงหากแสงแดดสว่างเกินไป
แผ่นกระจายแสงช่วยทำให้แสงที่แรงเกินไปดูนุ่มนวลขึ้น คุณสามารถหาซื้อได้ใน Shopee หรือทำเองที่บ้านโดยใช้กระดาษไข ม่านห้องน้ำแบบฝ้า หรือกระดาษพิมพ์ก็ได้
วิธีใช้แสงธรรมชาติถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ด้วยสมาร์ทโฟน
ถ้าคุณจัดแสงได้ถูกต้อง คุณก็จะได้ภาพสินค้าที่สวยโดดเด่น แต่ถ้าจัดการพลาด ต่อให้แต่งภาพแค่ไหนก็ยากที่จะช่วยให้ภาพออกมาดูดี
มีเคล็ดลับสำคัญ 3 ข้อที่ช่วยให้คุณได้ภาพที่ดีที่สุดจากการถ่ายสินค้าด้วยมือถือ
1. ถ่ายในห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอ: แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านหน้าต่างถือว่าดีกว่าแสงไฟจากสตูดิโอ เพราะอย่างแรกคุณสามารถใช้แสงจากหน้าต่างได้ฟรี และอย่างที่สองแสงจากทิศทางเดียวจะสร้างเงาธรรมชาติและเพิ่มมิติให้กับสินค้า
ก่อนเริ่มถ่ายภาพสินค้าด้วยสมาร์ทโฟน ลองพิจารณาสภาพอากาศด้วยว่า เป็นวันที่แดดจัดหรือมีเมฆมาก เพราะสิ่งนี้ส่งผลต่อบรรยากาศของภาพ หากคุณอยากได้โทนภาพที่นุ่มนวล การถ่ายในวันที่ฟ้าครึ้มอาจดีกว่าการถ่ายในวันที่แดดแรงจัด ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากเงาและแสงไฮไลต์ในภาพ
ดูความแตกต่างระหว่างการถ่ายในวันที่มีเมฆมากกับการถ่ายในแสงแดดโดยตรงผ่านหน้าต่าง?
2. วางเซ็ตการถ่ายภาพของคุณใกล้หน้าต่าง: ให้มุมของแสงตกประมาณ 90 องศาทางด้านขวาหรือซ้ายของสินค้า วางแผนเริ่มถ่ายในช่วงเวลาที่แสงสว่างที่สุดของวัน หากแดดแรงเกินไป คุณสามารถใช้แผ่นกระจายแสงเพื่อช่วทำให้แสงดูนุ่มขึ้นได้
ลองเล่นกับการวางตำแหน่งและเวลาของวันเพื่อค้นหาเซ็ตการถ่ายภาพที่เหมาะสมที่สุด
ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ต้องหลีกเลี่ยงแสงที่แรงจัด เพราะจะทำให้สีของสินค้าดูเข้มเกินจริง และเน้นทุกจุดบกพร่องเล็กๆ ที่ปกติคนทั่วไปมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
3. ควบคุมแสงธรรมชาติด้วยแผ่นโฟมและแผ่นสะท้อนแสง: บางครั้ง แสงอาทิตย์อาจถูกเมฆบังกะทันหันระหว่างถ่ายภาพ หากเกิดเหตุการณ์นี้ ไม่ต้องกังวล ใช้แผ่นโฟมสะท้อนแสงเพื่อส่งและเพิ่มความเข้มของแสง เติมเงาที่เกิดขึ้นให้สมดุล
ถ้าคุณใช้แผ่นสะท้อนแสง คุณสามารถปรับทิศทางและความใกล้ไกลของแผ่นสะท้อนเพื่อจัดแสงให้กับสินค้าได้ วิธีนี้ช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์กลับมายังสินค้า ทำให้ภาพดูสว่างและมีมิติ
อย่าลืมลองถ่ายจากมุมต่างๆ พร้อมใช้แผ่นสะท้อนแสงเพื่อหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างเงาและแสงในภาพ
เรียนรู้เพิ่มเติม: การถ่ายภาพเครื่องประดับอย่างโปร
มุมกล้องที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายรูปสินค้า
เวลาถ่ายรูปสินค้าสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ มุมบางมุมจะให้ผลลัพธ์ดีกว่ามุมอื่น การถ่ายจากหลายมุมมองช่วยให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดของสินค้า และตอบคำถามที่คำอธิบายสินค้าอาจไม่ได้ระบุไว้
ให้มุมมองที่แตกต่างกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเน้นคุณสมบัติสำคัญของผลิตภัณฑ์ของคุณ มุมมองรอบด้านจะทำให้ผู้ซื้อมีส่วนร่วมและช่วยให้พวกเขาจินตนาการว่าตนเองสวมใส่หรือใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่การขายที่มากขึ้น
นอกจากนี้ การถ่ายภาพใกล้สินค้าก็สำคัญมาก ภาพใกล้ช่วยให้คุณเก็บรายละเอียดที่แสดงคุณภาพของสินค้าได้ เช่น ลายพิมพ์ ผ้า เนื้อสัมผัส หรือรายละเอียดการใช้งาน และยังเน้นส่วนที่ลูกค้ามักตรวจสอบเวลาไปซื้อที่ร้าน
ไม่ว่าคุณจะถ่ายเสื้อผ้า รองเท้า หรือสินค้าประเภทอื่น มีมุมกล้อง 5 มุมที่คุณควรทดลองในการถ่ายภาพ
- ระดับสายตา: มุมมองนี้แสดงผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่คุณเห็นเมื่อมองตรงไปยังผลิตภัณฑ์
- มุมสูง: มุมมองนี้แสดงผลิตภัณฑ์เหมือนกับว่าคุณกำลังมองลงไปจากมุมหนึ่ง
- มุมต่ำ: มุมมองนี้แสดงผลิตภัณฑ์เหมือนกับว่าคุณกำลังมองขึ้นจากพื้น
- มุม Bird’s eye: มุมมองนี้แสดงผลิตภัณฑ์เหมือนกับว่าคุณยืนอยู่เหนือมัน
- มุมเอียง: มุมมองนี้แสดงผลิตภัณฑ์จากด้านหนึ่ง
การแสดงมุมทั้งหมดของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ลูกค้าได้รับมุมมองที่ถูกต้อง
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือ แนะนำให้วางมือถือและขาตั้งให้อยู่ตำแหน่งเดิมตลอดการถ่ายภาพ แล้วหมุนสินค้าที่ต้องการเปลี่ยนมุมแทนการเคลื่อนกล้อง การหมุนสินค้าจะทำให้ภาพสุดท้ายทุกมุมมีกรอบเหมือนกัน และช่วยรักษาความสม่ำเสมอของภาพ รวมถึงลดความจำเป็นในการแก้ไขภาพหลังถ่าย
ขั้นตอนการถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือ
เมื่อคุณเตรียมอุปกรณ์ครบแล้ว และเข้าใจมุมกล้องและการจัดแสงต่างๆ ก็ถึงเวลาถ่ายภาพ
ก่อนเริ่ม ให้ใช้เช็กลิสต์ต่อไปนี้เพื่อให้แน่ใจว่ากล้องมือถือ Android หรือ iPhone ของคุณพร้อมสำหรับการถ่ายภาพ
- เตรียมมือถือของคุณให้พร้อม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่เต็มและมีพื้นที่เก็บภาพสำรองเพียงพอ
- ตั้งค่า White Balance ให้เหมาะกับอุณหภูมิแสงในชุดถ่ายภาพ โดยแตะปุ่ม WB แล้วแตะพื้นหลังสีขาว
- ตรวจสอบค่า Exposure แตะปุ่ม Exposure แบบวงกลม แล้วแตะไปที่สินค้าของคุณเพื่อให้กล้องปรับแสงให้เหมาะสม
- รักษาความชัดของภาพ แตะปุ่ม Focus แบบวงกลม แล้วแตะสินค้าของคุณเพื่อให้กล้องโฟกัสที่สินค้าอย่างถูกต้อง
- ล็อกการตั้งค่ากล้อง หลังจากปรับค่าต่างๆ เสร็จแล้ว ให้แตะแต่ละค่าอีกครั้งเพื่อล็อกการตั้งค่าไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้กล้องปรับค่าอัตโนมัติระหว่างการถ่ายภาพ
เมื่อคุณล็อกการตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว คุณก็พร้อมเริ่มถ่ายภาพได้เลย
หลังจากถ่ายภาพแรก ให้ดูภาพและพิจารณาว่าควรปรับความสว่างให้มากขึ้นหรือน้อยลงเพื่อให้ได้ค่า Exposure ที่เหมาะสม หากคิดว่าต้องปรับค่า Exposure ให้แตะปุ่ม +/- ใต้ปุ่ม Focus แบบวงกลม แล้วเลื่อนสไลเดอร์ขึ้นหรือลงเพื่อปรับความสว่างของภาพ
ข้อผิดพลาดทั่วไปในการถ่ายรูปสินค้าด้วยสมาร์ทโฟน
เนื่องจากทุกคนต่างมีสมาร์ทโฟน การถ่ายภาพสินค้าจึงเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย แต่ก็หมายความว่าจะมีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยเช่นกัน การรับรู้ข้อพลาดเหล่านี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงได้
จำไว้ว่าให้หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด 3 ข้อต่อไปนี้ในการถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือ เพื่อให้คุณได้ภาพที่ดีที่สุด
- การซูม การใช้ฟังก์ชันซูมของมือถือไม่เหมาะกับการถ่ายภาพสินค้า เพราะจะลดคุณภาพของภาพอย่างมาก หากต้องการภาพใกล้ๆ ควรถ่ายเต็มเฟรมแล้วครอปตอนแก้ไขภาพ
- การใช้กล้องหน้า กล้องหน้าหรือกล้องเซลฟี่มักจะคุณภาพไม่ดีเท่ากล้องหลัง แม้จะขึ้นอยู่กับสเปกของมือถือแต่โดยทั่วไปกล้องหลังมีจำนวนเมกะพิกเซลสูงกว่า ทำให้ภาพคมชัดและคุณภาพดีกว่า
- การเปิดแฟลช แฟลชของมือถือจะทำให้ภาพสว่างเกินไปและทำให้สีเพี้ยน ควรใช้แสงธรรมชาติและปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการจัดแสงข้างต้น
แนวโน้มการถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือ
วงการอีคอมเมิร์ซเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ซึ่งส่งผลต่อวิธีการนำเสนอภาพสินค้า การติดตามแนวโน้มปัจจุบันจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าลูกค้ากำลังมองหาอะไร และอะไรเหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ
นี่คือเทรนด์ในการถ่ายรูปสินค้า 3 แบบที่ควรคำนึงถึงเมื่อถ่ายด้วยสมาร์ทโฟน
- ภาพ 360 องศา เทคโนโลยีที่พัฒนาไปช่วยให้แบรนด์สามารถแสดงภาพสินค้าแบบรอบทิศทาง 360 องศาได้ ถึงแม้ว่าภาพเหล่านี้จะดูเหมือนวิดีโอ แต่จริงๆ แล้วเป็นชุดภาพนิ่งหลายภาพต่อเนื่องกัน
- ใช้ AI แต่งภาพ AI ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงในด้านการถ่ายรูปสินค้า แม้ว่าคุณจะใช้ AI ลบฉากหลังจากภาพสินค้าบนมือถือ แต่ก็ยังควรตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด เพราะเครื่องมือเหล่านี้อาจทำให้เกิดความบกพร่องได้
- วิดีโอสินค้า วิดีโอสินค้าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แบรนด์หลายแห่งเริ่มใช้วิดีโอสินค้า ในความเป็นจริง 89% ของผู้คนต้องการเห็นวิดีโอของแบรนด์มากขึ้น เช่นเดียวกับภาพ 360 องศา วิดีโอช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพรวมของสินค้าได้ครบถ้วนมากขึ้น และยังเห็นสินค้ากำลังใช้งานจริงอีกด้วย
วิธีแต่งภาพสินค้า
การแต่งภาพอาจฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วทำได้ง่ายมากด้วยมือถือของคุณ
- เลือกแอปสำหรับถ่ายรูปสินค้า เข้าไปที่แอปสโตร์บนมือถือและดาวน์โหลดแอปสำหรับแต่งภาพสินค้า ช่างภาพมือถือบางคนชอบใช้แอปมือถืออย่าง Lightroom หรือ Snapseed ขณะที่บางคนชอบใช้ซอฟต์แวร์แต่งภาพบนคอมพิวเตอร์
- เปิดแอปแต่งภาพ เลือกรูปที่คุณต้องการเตรียมสำหรับร้านออนไลน์ของคุณ ภาพส่วนใหญ่ต้องการปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อให้โดดเด่น
- ใช้แอปในการปรับแต่งพื้นฐาน เช่น ความสว่าง ความเปรียบต่าง ความคมชัด ไฮไลต์/เงา และ White Balance อย่าหลงใหลกับฟิลเตอร์ กรอบสี การใส่โทนสี หรือความอิ่มตัวเกินไป เป้าหมายคือทำให้สินค้าของคุณดูสวยงามและโดดเด่น พยายามให้ภาพใกล้เคียงกับสินค้าจริงมากที่สุด
- บันทึกค่าการแต่งภาพ หลังจากแต่งภาพแรกเสร็จแล้ว ให้บันทึกการตั้งค่าเป็น Preset เพื่อใช้กับภาพอื่นจากการถ่ายชุดเดียวกัน แม้ Preset จะช่วยประหยัดเวลา แต่ควรตรวจสอบแต่ละภาพหลังใช้ Preset ว่าจำเป็นต้องปรับแต่งเพิ่มเติมหรือไม่
- ใส่ฉากหลังสีขาว ลบจุดบกพร่องหรือรอยย่นบนฉากหลังโดยการแทนที่ด้วยเลเยอร์สีขาว เนื่องจากคุณถ่ายภาพบนฉากหลังสีขาว จะทำให้สามารถแยกสินค้าออกจากพื้นหลังและใส่เลเยอร์สีขาวได้ง่าย
เมื่อภาพสินค้าของคุณดูสะอาด คมชัด และสวยงามแล้ว ให้นำไปใส่ในร้าน Shopify ของคุณและใช้ผลงานที่คุณตั้งใจทำให้เกิดประโยชน์
5 แอปแต่งภาพที่ดีที่สุดสำหรับรูปสินค้าที่ถ่ายด้วยมือถือ
การเลือกแอปแต่งภาพที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการเชี่ยวชาญการถ่ายรูปสินค้าด้วยสมาร์ทโฟน แอปหลายตัวมาพร้อมกับเครื่องมือแก้ไขในตัว แต่ก็มีแอปของบุคคลที่สามมากมายที่ให้ทุกอย่างที่คุณต้องการเพื่อทำให้สินค้าของคุณโดดเด่น
ตัวเลือกแอปแต่งภาพสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่
1. Lightroom
รองรับ: iOS และ Android
ราคา: ต้องการการสมัครสมาชิก Adobe Creative Cloud เริ่มต้นที่ 761.84 บาท/เดือน
Lightroom สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี แต่ต้องสมัครรับ Adobe Creative Cloud
บางคนบอกว่า Adobe Lightroom เป็นแอปแต่งภาพสินค้าที่ดีที่สุดในตลาด มีเครื่องมือใช้งานง่าย เช่น สไลเดอร์และ Preset ที่ช่วยให้คุณสร้างภาพตามที่ต้องการ Lightroom ยังเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณวางแผนจะแต่งภาพบนคอมพิวเตอร์ คุณสามารถเริ่มต้นบนมือถือ เว็บ หรือเดสก์ท็อป และเมื่อคุณทำการแต่งภาพ การเปลี่ยนแปลงจะถูกปรับอัตโนมัติข้ามอุปกรณ์
หากคุณต้องการใช้ Lightroom ให้เต็มประสิทธิภาพ สามารถสมัครแพ็ก Adobe Creative Cloud Photography ซึ่งรวมแอปแต่งภาพบนเดสก์ท็อป มือถือ และเว็บ พร้อมเวอร์ชันล่าสุดของ Photoshop ในราคา 761.84 บาทต่อเดือน
2. Photoshop Express
รองรับ: iOS, Android และ Windows
ราคา: ต้องการการสมัครสมาชิก Adobe Creative Cloud เริ่มต้นที่ 876.33 บาท/เดือน
Photoshop Express สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี แต่ต้องสมัครรับ Adobe Creative Cloud
คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ Adobe Photoshop และความสามารถโปรแกรมนี้ ด้วย Photoshop Express คุณจะได้คุณสมบัติการแต่งภาพที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดบนสมาร์ทโฟนของคุณ คุณสามารถใช้ภาพสินค้าจากมือถือหรือถ่ายภาพภายในแอป จากนั้นปรับสีสัน ความสว่าง ค่า Exposure และความเปรียบต่างได้อย่างง่ายดาย เพื่อสร้างภาพสินค้าที่น่าประทับใจสำหรับร้านของคุณ
3. Snapseed
รองรับ: iOS และ Android
ราคา: ฟรี
Snapseed เป็นแอปแก้ไขภาพของ Google
Snapseed เป็นซอฟต์แวร์แต่งภาพฟรีที่เป็นของ Google แอปนี้นำความสามารถของโปรแกรมแต่งภาพระดับมืออาชีพบนคอมพิวเตอร์มาไว้บนมือถือของคุณ มีฟีเจอร์มากมายให้แต่งภาพในแบบที่ปกติคุณจะพบได้เฉพาะในซอฟต์แวร์ราคาแพง ช่างภาพมือใหม่ก็ใช้งาน Snapseed ได้สะดวกขึ้นด้วยฟีเจอร์ Stacks ซึ่งช่วยให้คุณย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้าได้ และทำให้การบันทึกการตั้งค่าและนำไปใช้กับภาพอื่นเป็นเรื่องง่าย
4. VSCO
รองรับ: iOS และ Android
ราคา: มีเวอร์ชันฟรี; แผนชำระเงินประจำปีราคาประมาณ 1,020 - 2,040 บาท
VSCO มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันที่ต้องชำระเงินของแอปแก้ไขภาพ
VSCO มีเครื่องมือแต่งภาพพื้นฐานทั้งหมด เช่น Exposure, Contrast, Color Balance และอื่นๆ ช่วยให้คุณสร้างภาพสินค้าที่น่าทึ่งได้ทุกที่ แอปนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแต่งภาพสินค้า และยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือ Instagram ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยคลังฟิลเตอร์ขนาดใหญ่และตัวเลือกปรับแต่งภาพที่หลากหลาย
5. Photon
รองรับ: iOS
ราคา: ฟรี
Photon รองรับเฉพาะอุปกรณ์ iOS เท่านั้น
Photon เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับช่างภาพมือถือทั้งมือใหม่และมืออาชีพ คุณสามารถใช้ Photon ไม่เพียงแต่เป็นแอปแต่งภาพ แต่ยังเป็นกล้องสำหรับถ่ายสินค้าด้วย แอปถ่ายรูปสินค้านี้ช่วยให้คุณตั้งค่า Exposure และ Focus รวมถึงมีตัวช่วยลดการสั่น ทำให้รู้สึกเหมือนถ่ายด้วยเลนส์กล้อง DSLR คุณภาพสูง
ถ้าคุณชอบแต่งภาพบนคอมพิวเตอร์ คุณสามารถใช้ Photon ถ่ายภาพสินค้าเป็นไฟล์ RAW ซึ่งช่วยเก็บข้อมูลทั้งหมดโดยไม่บีบอัด ทำให้ได้ภาพสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่า
การใช้ประโยชน์สูงสุดจากการถ่ายรูปสินค้า
การเรียนรู้วิธีถ่ายภาพด้วย iPhone หรือ Android อาจดูยากในตอนแรก แต่หลังจากลองถ่ายหลายครั้ง คุณก็จะเก่งขึ้น ด้วยข้อมูลทั้งหมดข้างต้น คุณก็อยู่บนเส้นทางสู่การเชี่ยวชาญการถ่ายรูปสินค้าและเพิ่มยอดขายให้กับร้านของคุณ ในอนาคตคุณอาจพิจารณาขายภาพถ่ายของคุณออนไลน์ด้วยก็ได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือ
ทำอย่างไรถึงจะถ่ายรูปสินค้าด้วยมือถือ iPhone อย่างมืออาชีพได้จากที่บ้าน
- เลือกใช้ iPhone 13 หรือรุ่นใหม่กว่า
- ทดลองใช้แอปกล้องของบุคคลที่สาม
- ใช้ฉากหลังสีขาวสำหรับเซ็ตอัปการถ่ายภาพ
- วางชุดถ่ายภาพใกล้หน้าต่างเพื่อใช้แสงธรรมชาติ
- กดค้างที่หน้าต่างดูภาพเพื่อล็อกโฟกัส
- หลีกเลี่ยงการซูมภาพ
- ลองถ่ายจากมุมกล้องต่างๆ
- ใช้แอปแต่งภาพ
จะถ่ายรูปสินค้าด้วยสมาร์ทโฟนให้มีคุณภาพสูงได้อย่างไร
- ใช้กล้องสมาร์ทโฟนที่มีความละเอียด 12 เมกะพิกเซลขึ้นไป
- ถ่ายด้วยขาตั้งเพื่อลดการสั่นของกล้อง
- ใช้แสงธรรมชาติจากหน้าต่าง
- สะท้อนแสงด้วยแผ่นโฟมเพื่อลดเงา
- ใช้ฉากโค้งหรือถ่ายภาพใกล้เพื่อเน้นจุดเด่นของสินค้า
- ถ่ายจากมุมกล้องและขนาดภาพหลากหลาย


