ผู้บริโภคไม่ได้สนใจโฆษณาโดยตรง แต่จะฟังความคิดเห็นจากกันและกันมากกว่า ผู้ซื้อสินค้าให้ความสำคัญกับรีวิวและคำแนะนำมากขึ้นเมื่อตัดสินใจซื้อสินค้า ทำให้ธุรกิจจำนวนมากหันมาใช้โปรแกรม Affiliate เป็นทางเลือกหรือเสริมกับการโฆษณาแบบเดิม
“ผู้บริโภครุ่นใหม่ในปัจจุบันใช้เวลามากขึ้นในการรีวิวและเปรียบเทียบสินค้าหลายๆ รายการก่อนตัดสินใจซื้อ และพวกเขาต้องการความน่าเชื่อถือและความจริงใจเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ” เจอร์ริด กริม หัวหน้าฝ่ายการตลาดผู้เผยแพร่ของแพลตฟอร์ม Affiliate อย่าง impact.com กล่าว กริมอ้างถึงผลสำรวจในปี 2024 ที่พบว่า 86% ของผู้บริโภคเห็นว่าคำแนะนำและรีวิวมีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อ ขณะที่มีเพียง 2% เท่านั้นที่เห็นว่าโฆษณาแบบดั้งเดิมมีความสำคัญ
การตลาดแบบ Affiliate ช่วยให้แบรนด์สามารถร่วมมือกับครีเอเตอร์ที่ผู้ติดตามเชื่อถือในรีวิวและคำแนะนำสินค้าอย่างจริงใจได้ คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นนี้อธิบายวิธีเริ่มทำ Affiliate สำหรับธุรกิจของคุณ ตั้งแต่การตั้งเป้าหมายไปจนถึงการจัดการพาร์ตเนอร์
โปรแกรมการตลาดแบบ Affiliate คืออะไร
ก่อนจะไปเรียนรู้จักกับวิธีเริ่มทำ Affiliate เราอยากพาคุณมาดูความหมายของโปรแกรมการตลาดแบบ Affiliate กันก่อน โดยสิ่งนี้อธิบายง่ายๆ ก็คือระบบการให้รางวัล โดยครีเอเตอร์ อินฟลูเอ็นเซอร์ และพันธมิตรอื่นๆ ช่วยโปรโมตสินค้าของคุณ แลกกับค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายที่พวกเขาช่วยสร้างขึ้น โดยพันธมิตร Affiliate จะช่วยนำลูกค้าเข้าสู่ร้านค้าออนไลน์ของคุณผ่านลิงก์แนะนำ หรือที่เรียกว่าลิงก์ Affiliate ที่พวกเขาแชร์บนเว็บไซต์หรือช่องทางคอนเทนต์ของตน
ลิงก์ Affiliate จะมีความเฉพาะตัวสำหรับแต่ละพันธมิตร เพื่อให้มั่นใจว่าพันธมิตรได้รับค่าคอมมิชชั่นอย่างถูกต้อง และช่วยให้แบรนด์สามารถติดตามผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้ นอกจากนี้ แบรนด์ยังสามารถเลือกให้ส่วนลดเฉพาะลูกค้าที่มาจากลิงก์ Affiliate เพื่อกระตุ้นการซื้อเพิ่มเติมได้อีกด้วย
โปรแกรม Affiliate มีลักษณะยังไง

ในโปรแกรม Affiliate เจ้าของธุรกิจจะร่วมมือกับครีเอเตอร์หรือผู้ทำการตลาดแบบ Affiliate ที่ช่วยโปรโมตสินค้าให้ เมื่อพันธมิตร Affiliate สามารถแนะนำลูกค้าให้มาซื้อสินค้าได้สำเร็จ ธุรกิจจะจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้แก่พันธมิตรคนนั้น
กระบวนการนี้จะถูกติดตามผ่านลิงก์ Affiliate ที่ปรับแต่งเฉพาะ เพื่อเชื่อมโยงยอดขายกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง โดยลิงก์ Affiliate จะมีระยะเวลาคุกกี้ (cookie duration) กำหนดระยะเวลาที่ลูกค้าต้องซื้อสินค้าภายในช่วงเวลานั้นเพื่อให้ยอดขายถูกนับเป็นของพันธมิตรคนนั้น
การตลาดแบบ Affiliate เป็นกลยุทธ์ที่คุ้มค่าสำหรับผู้โฆษณา เพราะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์พร้อมกับทำให้แบรนด์จ่ายค่าคอมมิชชั่นเฉพาะเมื่อมีการขายสินค้าสำเร็จ แตกต่างจากประเภทการตลาดแบบดั้งเดิม เช่น โฆษณาทีวี ที่ธุรกิจต้องจ่ายเงินล่วงหน้า
โปรแกรม Affiliate ยังเป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เช่น บล็อกเกอร์ อินฟลูเอ็นเซอร์โซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์รีวิว ในการทำเงินออนไลน์ เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง จะเป็นประโยชน์ร่วมกันสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
🌟 โปรแกรม Affiliate ดีๆ หน้าตาเป็นอย่างไร? นี่คืออัตราค่าคอมมิชชั่นและรายละเอียดการจ่ายเงินของโปรแกรม Affiliate ที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้คุณวางแผนทำ Affiliate ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดประสงค์ของโปรแกรม Affiliate คืออะไร
โปรแกรม Affiliate ช่วยส่งเสริมความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างแบรนด์กับผู้ทำการตลาด ผู้ทำการตลาดจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการแนะนำลูกค้า ขณะที่แบรนด์จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ผ่านโมเดลจ่ายตามยอดขายที่คุ้มค่า
สำหรับแบรนด์อีคอมเมิร์ซ Moonboon ที่จำหน่ายอุปกรณ์เสริมการนอนที่ใช้งานได้จริงและยั่งยืนสำหรับทารก พันธมิตร Affiliate สามารถสร้างยอดขายมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 34 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของยอดขายสุทธิรายเดือนของธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ถึง 6.5 เท่าอย่างน่าประทับใจ
Moonboon ทำ Affiliate ผ่านแพลตฟอร์ม Shopify Collabs ซึ่งช่วยให้บริษัทเชื่อมต่อกับครีเอเตอร์ที่ผ่านการคัดกรองอย่างง่ายดาย และจัดการพันธมิตรทั้งหมดในที่เดียวกัน
การตลาดแบบ Affiliate เหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่
การตลาดแบบ Affiliate อาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งถ้าคุณทำธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งลูกค้ามีแนวโน้มจะเปรียบเทียบสินค้าหลายรายการ วิธีที่ดีที่สุดในการพิจารณาว่าโปรแกรม Affiliate เหมาะกับธุรกิจคุณหรือไม่ คือการดูว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมของคุณใช้โปรแกรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ธุรกิจหรือเปล่า
“ผู้บริโภคไม่ได้หันไปดูโฆษณาแบบเดิมๆ เมื่ออยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าอีกต่อไป” Grim จาก impact.com กล่าว “แต่พวกเขาจะหันไปพึ่งชุมชนของตัวเอง ค้นหารีวิวสินค้า เข้าเว็บไซต์เปรียบเทียบราคา และฟังเสียงจากคนจริงๆ ที่แชร์ประสบการณ์จริง เช่น อินฟลูเอ็นเซอร์ เพื่อน และครอบครัว” ถ้าคู่แข่งของคุณมักปรากฏตัวในที่เหล่านี้ พวกเขาน่าจะใช้ลิงก์ Affiliate เพื่อกระตุ้นบทสนทนาเหล่านี้ และคุณควรพิจารณาเปิดโปรแกรมของตัวเองอย่างจริงจัง
แม้ว่าการตลาดแบบ Affiliate จะเป็นวิธีที่ดีสำหรับหลายธุรกิจในการสร้างยอดขายและเพิ่มการรับรู้แบรนด์ แต่ก็อาจไม่เหมาะกับทุกธุรกิจ เช่น ถ้าคุณมีส่วนต่างกำไรที่น้อย การตลาดแบบ Affiliate อาจไม่สามารถทำได้ เพราะโปรแกรม Affiliate ต้องมีค่าคอมมิชชั่นที่น่าสนใจพอที่จะคุ้มค่ากับเวลาหรือความพยายามของพันธมิตร แต่ถ้ามีกำไรขั้นต้นจำกัด อาจเป็นเรื่องยากที่จะจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่เหมาะสมในขณะที่ยังทำกำไรได้
วิธีเริ่มทำ Affiliate ใน 11 ขั้นตอน
- ตั้งเป้าหมายสำหรับโปรแกรม Affiliate
- เลือกเครื่องมือการตลาดแบบ Affiliate
- สรรหาพันธมิตร Affiliate
- คัดกรองครีเอเตอร์
- เตรียมความพร้อมให้กับ Affiliate
- กำหนดระดับค่าคอมมิชชั่น
- ตั้งค่าระยะเวลาคุกกี้
- ตัดสินใจเรื่องกลยุทธ์ของขวัญ
- สร้างลิงก์ Affiliate
- จัดทำโปรโมชั่น
- บริหารความสัมพันธ์กับพันธมิตร Affiliate
การเริ่มทำ Affiliate ที่ประสบความสำเร็จ ต้องมีการหาครีเอเตอร์ กำหนดอัตราค่าคอมมิชชั่น และขั้นตอนอื่นๆ มาดูวิธีเริ่มทำ Affiliate ให้ปังกันได้เลย
1. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับโปรแกรม Affiliate
ก่อนที่คุณจะเริ่มสร้างโปรแกรมการตลาดแบบ Affiliate ให้ตั้งเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้ว่า ความสำเร็จมีลักษณะอย่างไร ตัวชี้วัดหลัก (KPI) สามอย่างที่ Grim แนะนำให้ติดตามคือ ROI มูลค่ายอดสั่งซื้อ และอัตราคอนเวอร์ชัน
โปรดทราบว่าเป้าหมายเฉพาะของธุรกิจคุณจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย “เกณฑ์มาตรฐานของแต่ละตัวชี้วัดอาจแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับสินค้า ผู้บริโภค และสถานที่ที่จัดโปรโมชั่น” Grim กล่าว นี่คือตัวอย่างเกณฑ์มาตรฐานในอุตสาหกรรมเพื่อช่วยชี้แนะคุณ
ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) แสดงให้เห็นว่าคุณทำเงินได้มากเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่คุณใช้จ่ายไปกับกิจกรรมทางธุรกิจ “เรามักได้ยินจากแบรนด์ต่างๆ ว่าสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเกี่ยวกับการตลาดแบบ Affiliate คือ ROI” Lizzy Masotta หัวหน้าผลิตภัณฑ์อาวุโสของ Shopify ที่ดูแล Shopify Collabs กล่าว “โดยพื้นฐานแล้ว คุณต้องติดตามผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องโดยอิงจากค่าคอมมิชชั่นที่คุณจ่าย”
สำหรับกิจกรรมทางการตลาดและโฆษณาอย่างการตลาดแบบ Affiliate ROI บางครั้งถูกเรียกว่าผลตอบแทนจากการใช้จ่ายโฆษณา (ROAS) “โดยทั่วไป ผลตอบแทนจากการใช้จ่ายโฆษณาที่ 4:1 ถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่มั่นคงสำหรับการโฆษณา” Grim กล่าว
ด้วย Collabs คุณสามารถติดตามยอดขาย Affiliate การจ่ายค่าคอมมิชชั่น และสินค้าที่ให้เป็นของขวัญได้โดยตรงจากแอดมินของ Shopify ซึ่งทำให้การคำนวณ ROI ของคุณง่ายขึ้น เพียงแค่รวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้และเปรียบเทียบกับยอดขายที่ได้จาก Affiliate ทั้งหมด นอกจากนี้คุณยังสามารถกรองข้อมูลตามช่วงเวลาที่ต้องการเพื่อประเมินผลการทำงานได้อีกด้วย
อัตราคอนเวอร์ชัน
อัตราคอนเวอร์ชันหมายถึงจำนวนคนที่คลิกลิงก์ของ Affiliate แล้วทำการซื้อสินค้าจนเสร็จสมบูรณ์ อัตราคอนเวอร์ชันที่ดีของการตลาดแบบทำ Affiliate อยู่ระหว่าง 1% ถึง 3% ตามที่ Grim กล่าว
“ตัวเลขนี้อาจดูน้อย แต่ลองเปรียบเทียบกับโฆษณาประเภทแสดงผล ซึ่งมีคนคลิกเพียงหนึ่งในทุกๆ 1,000 คนที่เห็นโฆษณา และในจำนวนคลิกเหล่านั้นยิ่งมีส่วนน้อยกว่าที่กลายเป็นการซื้อจริง” Grim อธิบาย
การติดตามอัตราคอนเวอร์ชันของครีเอเตอร์แต่ละคนช่วยให้คุณประเมินความสำเร็จของพันธมิตรได้ เพื่อดูข้อมูลนี้ใน Collabs ให้ไปที่ Connections แล้วคลิกชื่อครีเอเตอร์ คุณจะเห็นอัตราคอนเวอร์ชันในส่วนประสิทธิภาพของ Affiliate นั้น ๆ
มูลค่ายอดสั่งซื้อ
การติดตามจำนวนคำสั่งซื้อและมูลค่ารวมของยอดขายที่ครีเอเตอร์สร้างขึ้นจะช่วยให้คุณประเมินความสำเร็จของพันธมิตรในการสร้างยอดขาย (และกระตุ้นให้มีการซื้อสินค้าราคาสูงขึ้น) การติดตามตัวชี้วัดนี้ยังช่วยให้เปรียบเทียบความสำเร็จของพันธมิตรแต่ละรายได้ง่ายขึ้น
คุณสามารถดูจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดที่เกิดจากลิงก์หรือโค้ดส่วนลดของครีเอเตอร์ได้โดยไปที่ Connections > [ชื่อครีเอเตอร์] > Collab performance
2. เลือกเครื่องมือการตลาดแบบ Affiliate
ซอฟต์แวร์การตลาดสำหรับทำ Affiliate ช่วยคุณค้นหาครีเอเตอร์ชั้นนำ กำหนดอัตราค่าคอมมิชชั่น และจัดการการจ่ายเงินทั้งหมดได้ในที่เดียว Shopify Collabs ให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ Shopify และมีฟีเจอร์ครบถ้วนที่คุณต้องการเพื่อบริหารโปรแกรม Affiliate ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งเป็นเครือข่าย Affiliate และแอปจัดการ Affiliate ในตัวเดียว
วิธีเริ่มทำ Affiliate ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องมืออย่าง Shopify Collabs ที่จะช่วยให้คุณจัดระเบียบและบริหารความร่วมมือจากศูนย์กลางเดียว ประหยัดเวลาและทำให้โปรแกรม Affiliate ของคุณราบรื่นขึ้น เมื่อต้องเลือกเครื่องมือการตลาดแบบ Affiliate ควรมองหาเครื่องมือที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคุณได้ และมีระบบวิเคราะห์ที่ช่วยติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพโปรแกรมของคุณ
ถ้าคุณใช้ Shopify คุณสามารถตั้งค่า Shopify Collabs ได้ฟรีโดยติดตั้งแอป Collabs จาก Shopify App Store เมื่อติดตั้งแล้ว คุณสามารถเข้าถึง Collabs ได้จากหน้าแอดมิน Shopify โดยไปที่ Settings > Apps and sales channels > Collabs
3. สรรหาพันธมิตร Affiliate
ที่มา: Shopify
มีหลายวิธีในการหาพันธมิตร Affiliate ที่ดี คุณสามารถค้นหาครีเอเตอร์บนโซเชียลมีเดียแล้วติดต่อพวกเขาโดยตรง ส่งเสริมให้พวกเขาสมัครเข้าร่วมโปรแกรม Affiliate ของคุณผ่านเว็บไซต์โดยใช้เครื่องมืออย่าง Shopify Forms หรือใช้แพลตฟอร์มอย่าง Shopify Collabs เพื่อเชื่อมต่อกับครีเอเตอร์ที่ผ่านการคัดกรอง
คุณยังสามารถรวมวิธีเหล่านี้เข้าด้วยกัน เช่น แบรนด์เครื่องสำอาง BareMinerals ใช้ Shopify Collabs พร้อมกับรับสมัครพันธมิตร Affiliate โดยตรงผ่านเว็บไซต์ของตนเองด้วย
ที่มา: BareMinerals
ในวิธีเริ่มทำ Affiliate ขั้นตอนนี้ ถ้าคุณใช้ Shopify Collabs คุณก็มีตัวเลือกหลายแบบในการหาพันธมิตร Affiliate ดังนี้
- Open access: ตัวเลือกนี้เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ที่ผ่านการคัดกรองใน Shopify Collabs สามารถเริ่มโปรโมตสินค้าของคุณได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุมัติ คุณเป็นคนตั้งอัตราค่าคอมมิชชั่น และครีเอเตอร์สามารถสร้างลิงก์ Affiliate ได้เองโดยอัตโนมัติ
- Recruiting: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณค้นหาครีเอเตอร์ในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของ Shopify Collabs โดยสามารถกรองตามความเชี่ยวชาญ สถานที่ และจำนวนผู้ติดตาม จากนั้นติดต่อโดยตรงเพื่อสร้างความร่วมมือ
- Invitations: คุณสามารถเชิญครีเอเตอร์มาร่วมงานกับคุณบน Shopify Collabs เพื่อให้คุณบริหารความร่วมมือทั้งหมดจากแพลตฟอร์มเดียว
- Applications: ครีเอเตอร์บน Shopify Collabs สามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรม Affiliate ของคุณได้ คุณสามารถปรับแต่งแบบฟอร์มสมัครด้วยคำถามเฉพาะเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้พันธมิตรที่เหมาะสม
4. คัดกรองครีเอเตอร์
ไม่ว่าจะติดต่อครีเอเตอร์โดยตรงหรือรับสมัครผ่านใบสมัคร ให้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้ติดตามเมื่อเลือกครีเอเตอร์ที่จะร่วมงานด้วย
“จำนวนผู้ติดตามไม่ควรเป็นตัวชี้วัดหลักในการสรรหา” Masotta กล่าว “ควรมีขนาดผู้ติดตามขั้นต่ำ ประมาณไม่กี่พันคน และหลังจากนั้นสิ่งที่สำคัญคือดูว่า มีการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงและเป็นธรรมชาติกับครีเอเตอร์หรือไม่ รวมถึงครีเอเตอร์ต้องสามารถสื่อสารและมีความเชี่ยวชาญในด้านที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือแบรนด์ของคุณ” หากคุณใช้ Shopify Collabs คุณสามารถดูตัวชี้วัดการมีส่วนร่วมได้จากแผงควบคุม Collabs โดยตรง
5. เตรียมความพร้อมให้กับ Affiliate
เมื่อคุณสรรหาพันธมิตร Affiliate ได้แล้ว ให้จัดเตรียมแนวทางการใช้แบรนด์ที่ชัดเจนและทำให้แน่ใจว่า พวกเขาเข้าใจข้อกำหนดทางกฎหมายของการตลาดแบบ Affiliate เพื่อให้แบรนด์ของคุณเป็นไปตามข้อกำหนด เช่น พวกเขาต้องเปิดเผยว่าเมื่อมีการคลิกลิงก์จะได้รับค่าคอมมิชชั่น (ตามข้อกำหนดของ Federal Trade Commission) และห้ามโปรโมตสินค้าของคุณด้วยข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด
ขณะที่คุณบริหารโปรแกรม Affiliate อย่าลืมติดตามพันธมิตรเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบอัตราคอนเวอร์ชันที่สูงผิดปกติ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการทุจริตบัตรเครดิตได้
6.กำหนดระดับค่าคอมมิชชั่น
วิธีเริ่มทำ Affiliate ขั้นตอนนี้คือการตั้งอัตราค่าคอมมิชชั่นสำหรับพันธมิตรที่ต้องสมดุลระหว่างส่วนต่างกำไร กับการให้แรงจูงใจที่เพียงพอ เพื่อให้พันธมิตรโปรโมตสินค้าอย่างจริงจัง โดยปกติจะมีการเสนอค่าคอมมิชชั่นที่แตกต่างกันตามประสบการณ์และผลการทำงานของแต่ละพันธมิตร
Masotta แนะนำให้สร้างระดับค่าคอมมิชชั่นสามระดับ เช่น ระดับบรอนซ์อาจได้รับค่าคอมมิชชั่น 5% ระดับซิลเวอร์ 10% และระดับโกลด์ 20% (คุณสามารถตั้งชื่อตามที่ต้องการได้) หากยังไม่แน่ใจว่าจะจัดใครไว้ที่ระดับใด คุณสามารถเลื่อนระดับได้เสมอ “ถ้าคุณเพิ่งเริ่มทำงานกับใคร ให้เริ่มจากระดับต่ำสุดก่อน แล้วค่อยเลื่อนขึ้นตามความไว้วางใจและผลการทำงานที่ดีขึ้น” Masotta กล่าว
ที่มา: Shopify
คุณสามารถตั้งระดับค่าคอมมิชชั่นได้ในส่วน Programs ของแผงควบคุม Collabs ซึ่งในส่วนนี้คุณยังสามารถตั้งส่วนลดสำหรับลูกค้าได้ด้วย โดยส่วนลดนี้คือส่วนลดที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อซื้อสินค้าผ่านลิงก์ของ Affiliate
เมื่อสร้างระดับค่าคอมมิชชั่นแล้ว คุณจะเห็นรายการระดับต่างๆ เหล่านี้ในแท็บ Programs โดยผู้ใช้ Collabs ส่วนใหญ่ตั้งอัตราค่าคอมมิชชั่นและส่วนลดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10%
7. ตั้งค่าระยะเวลาคุกกี้
ที่มา: Shopify
ระยะเวลาคุกกี้ หรือเวลาการนับลิงก์ คือช่วงเวลาหลังจากที่ลูกค้าคลิกลิงก์ Affiliate ที่การซื้อจะถูกนับให้กับพันธมิตรคนนั้น โดยช่วงเวลาที่ใช้กันทั่วไปได้แก่ 30 วัน 60 วัน และ 90 วัน
8. ตัดสินใจเรื่องกลยุทธ์ของขวัญ
ที่มา: Shopify
คุณน่าจะอยากมอบของขวัญเป็นสินค้าให้กับครีเอเตอร์ เพื่อให้พวกเขาแนะนำสินค้านั้นต่อผู้ติดตามอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณสามารถมองว่ากลยุทธ์การให้ของขวัญคือกระบวนการที่ครีเอเตอร์ได้รู้จักแบรนด์ของคุณให้มากขึ้น ก่อนที่จะโปรโมต” Masotta กล่าว
มีหลายวิธีในการให้ของขวัญกับอินฟลูเอ็นเซอร์ แต่ Masotta แนะนำให้มอบตัวเลือกให้กับครีเอเตอร์เสมอ “กลยุทธ์การให้ของขวัญที่ประสบความสำเร็จที่สุด คือการให้ครีเอเตอร์มีทางเลือก เพราะบางอย่างจะตรงใจพวกเขาหรือผู้ติดตามมากกว่าและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า”
Shopify Collabs ช่วยให้คุณสร้างมินิสโตร์ออนไลน์เล็กๆ ให้ครีเอเตอร์เลือกสินค้าด้วยตัวเอง หรือจะมอบโค้ดส่วนลด เช่น ลด 90% สำหรับสินค้าทุกชิ้น หรือให้เครดิตเงินจำนวนคงที่ เช่น 100 ดอลลาร์ ให้ใช้ซื้อสินค้าในร้าน
การให้ตัวเลือกเหล่านี้ช่วยให้ครีเอเตอร์ได้ลองใช้ร้านของคุณและเปรียบเทียบสินค้า ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าของคุณและเลือกสิ่งที่ชอบได้ ซึ่งจะนำไปสู่การโปรโมตที่ดูจริงใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คุณสามารถดูของขวัญที่เคยมอบให้ Affiliate ได้โดยคลิกที่ชื่อครีเอเตอร์ในส่วน Performance ของแผงควบคุม Collabs
9. สร้างลิงก์ Affiliate
ที่มา: Shopify
ขั้นตอนเริ่มทำ Affiliate ช่วงนี้คือเมื่อครีเอเตอร์ได้ลองใช้สินค้าของคุณแล้ว คุณก็สามารถสร้างลิงก์ Affiliate สำหรับสินค้าที่พวกเขาวางแผนจะโปรโมตได้ หากคุณให้ค่าคอมมิชชั่นกับสินค้าทั้งร้าน คุณก็สามารถสร้างลิงก์สำหรับร้านทั้งหมดได้ ลิงก์เหล่านี้ช่วยให้คุณนับยอดขายตามครีเอเตอร์แต่ละคน ดังนั้นจึงควรสร้างลิงก์เฉพาะสำหรับแต่ละ Affiliate
เพื่อความสม่ำเสมอของแบรนด์ ให้พิจารณาใช้รูปแบบลิงก์มาตรฐาน เช่น “mystore.com/creatorname” ซึ่งจะทำให้ลูกค้าจดจำลิงก์ Affiliate ได้ง่ายขึ้นด้วย
10. จัดทำโปรโมชั่น
นอกจากการเลื่อนระดับค่าคอมมิชชั่นตามชั้นแล้ว Masotta แนะนำให้แบรนด์จัดโปรโมชั่นแบบมีระยะเวลาจำกัดเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาด Affiliate “นี่เป็นวิธีที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นในการกระตุ้นให้ครีเอเตอร์มีส่วนร่วมและพูดถึงสินค้าของคุณ” Masotta กล่าว
แคมเปญเหล่านี้ควรกระตุ้นให้ Affiliate โปรโมตสินค้าของคุณ เช่น การเสนออัตราค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้น หรือการเพิ่มส่วนลดสำหรับลูกค้า เช่น โค้ดลด 15% ส่วนลดสำหรับลูกค้าจะช่วยให้อีกฝ่ายสร้างยอดขายได้ง่ายขึ้น และทำให้พวกเขาได้รับค่าคอมมิชชั่นเพิ่มขึ้นด้วย
ตัวอย่างเช่น โค้ด Affiliate ของแบรนด์ผ้าห่มหรู Minky Couture เมื่อลูกค้าใช้โค้ดของครีเอเตอร์รายนี้ จะได้รับส่วนลด 50% จากยอดสั่งซื้อ
ที่มา: TikTok
11. บริหารความสัมพันธ์กับพันธมิตร Affiliate
เมื่อคุณตั้งโปรแกรมการตามวิธีเริ่มทำ Affiliate เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมดูแลให้ Affiliate มีส่วนร่วมและรู้สึกเป็นพันธมิตร “พวกเขาคือคู่ค้าของคุณ” Grim กล่าว “อย่าลืมฉลองความสำเร็จของคู่ค้า การให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจและสร้างความรู้สึกเป็นทีมได้มาก”
ซึ่งหมายถึงการติดตามตัวชี้วัด เช่น อัตราคอนเวอร์ชันและยอดคำสั่งซื้อที่แต่ละ Affiliate สร้างขึ้น
“ผมคิดว่าสำคัญมากที่ต้องดูแลครีเอเตอร์ชั้นนำของคุณ” Masotta กล่าว “ถ้ามีครีเอเตอร์คนไหนที่ทำผลงานดีมากกับคุณ ควรรักษาครีเอเตอร์คนนั้นไว้และมั่นใจว่าคุณมอบสิ่งจูงใจที่เหมาะสม เพื่อให้พวกเขายังคงโปรโมตแบรนด์ของคุณอย่างต่อเนื่อง”
สิ่งจูงใจอาจมาในรูปแบบของโบนัสทางการเงิน เช่น อัตราค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้น (ซึ่งเป็นประโยชน์ของการตั้งระดับค่าคอมมิชชั่น) โปรโมชั่นเฉพาะบุคคล หรือของขวัญโบนัสอย่างการเข้าถึงสินค้ารุ่นใหม่ก่อนใคร คุณอาจร่วมมือกับครีเอเตอร์ชั้นนำทำสื่อการตลาด เช่น โพสต์แบบสปอนเซอร์ด้วย
พร้อมลุยตามวิธีเริ่มทำ Affiliate หรือยัง?
ตอนนี้คุณมีเครื่องมือและวิธีเริ่มทำ Affiliate รวมถึงวิธีสร้างโปรแกรม Affiliate สำหรับร้าน Shopify ของคุณแล้ว ทีนี้คุณก็พร้อมเริ่มได้เลย ไปที่ Shopify App Store เพื่อค้นหาแอป Shopify Collabs ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Affiliate ฟรีสำหรับผู้ใช้ Shopify
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีเริ่มทำ Affiliate
วิธีเริ่มทำ Affiliate มีอะไรบ้าง
คุณสามารถสร้างโปรแกรมการตลาด Affiliate ที่ประสบความสำเร็จได้โดยทำตามขั้นตอนเหล่านี้
- ตั้งเป้าหมายสำหรับโปรแกรม Affiliate ของคุณ
- เลือกเครื่องมือการตลาด Affiliate
- หาพันธมิตร Affiliate
- เลือกสินค้าที่เหมาะสม
- กำหนดอัตราค่าคอมมิชชั่น
- ตั้งระยะเวลาคุกกี้
- ตัดสินใจเรื่องกลยุทธ์การให้ของขวัญ
- สร้างโปรโมชั่น
- ดูแลความสัมพันธ์กับ Affiliate
- ติดตามและวัดผลการทำงาน
ความแตกต่างระหว่าง Referral กับ Affiliate คืออะไร
การตลาดแบบ Referral คือการให้รางวัลลูกค้าเมื่อพวกเขาชวนเพื่อนหรือคนในครอบครัวมาใช้สินค้าหรือบริการของคุณ โปรแกรม Referral ไม่จำเป็นต้องให้ผู้เข้าร่วมมีแพลตฟอร์มอย่างบล็อกหรือมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย ส่วน Affiliate Marketing คือการมีตัวแทนแบรนด์บุคคลที่สามที่ช่วยโปรโมตสินค้าของคุณและส่งลูกค้ามายังธุรกิจ เพื่อแลกกับค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายที่เกิดขึ้น
กลยุทธ์ที่ดีสำหรับการหาพันธมิตร Affiliate คืออะไร
นี่คือกลยุทธ์สำหรับการหาพันธมิตร Affiliate
- เข้าร่วมเครือข่าย Affiliate อย่าง Shopify Collabs
- โปรโมตโปรแกรม Affiliate ของคุณบนเว็บไซต์
- โปรโมตโปรแกรมบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย


