Passive Income คือคำที่ใช้อธิบายรูปแบบการสร้างรายได้หลายรูปแบบ
หนึ่งในประเภทของรายได้แบบพาสซีฟ คือรายได้จากการลงทุน เช่น การให้เช่าที่พัก Airbnb, เงินปันผล, ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ หรือการเช่าอุปกรณ์ที่คุณเป็นเจ้าของ
แต่พาสซีฟอินคัมยังสามารถเป็นรายได้ต่อเนื่องจากสิ่งที่คุณเคยสร้างขึ้นมาก่อนได้ ซึ่งอาจเป็นรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล เช่น คอร์สออนไลน์ที่บันทึกไว้ล่วงหน้า หรือค่าคอมมิชชั่นจากคอนเทนต์การตลาดแบบพันธมิตร เช่น วิดีโอ YouTube
รายได้แบบพาสซีฟอินคัมอาจต้องเสียภาษีแตกต่างกันออกไป ตรงนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการสร้างรายได้แบบพาสซีฟ
เจาะลึกความหมายที่แท้จริงของ Passive Income เรียนรู้ว่า Passive Income แตกต่างจาก Active Income อย่างไร และศึกษาไอเดียยอดนิยมในการสร้างธุรกิจพาสซีฟอินคัมของคุณเอง
Passive Income คืออะไร?
Passive Income คือรายได้ที่เกิดขึ้นโดยแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย หมายถึงรายได้จากการลงทุนหรือกระแสเงินสดที่เกิดจากการทำงานในช่วงแรก โดยไม่ต้องลงมือทำงานหรือลงทุนอย่างต่อเนื่อง
Passive Income แตกต่างจาก Active Income ตรงที่รายได้แบบรายได้แบบพาสซีฟไม่ได้หมายถึงการแลกเปลี่ยนเวลาหรือแรงงานโดยตรงเพื่อแลกกับเงิน แต่ประกอบด้วยการสร้างหรือซื้อสินทรัพย์ที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในภายหลัง
มีไอเดียเกี่ยวกับพาสซีฟอินคัมมากมายให้เลือก เช่น การเขียนหนังสือ การสร้างคอร์สออนไลน์ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือเข้าร่วมโปรแกรมการตลาดแบบ Affiliate
นอกจากนี้ยังมีนิยามของ Passive Income ที่แคบกว่า ซึ่งใช้โดยองค์กรต่างๆ เช่น สรรพากร ซึ่งสำหรับองค์กรเหล่านี้ รายได้แบบพาสซีฟจะยังไม่รวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น ค่าลิขสิทธิ์หรือยอดขายสินค้า
พวกเขานิยามรายได้แบบพาสซีฟว่าเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าหรือธุรกิจที่คุณไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญหมายถึงการมีส่วนร่วมในการทำธุรกิจ "อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และสำคัญ"
Passive Income มีจริงหรือไม่?
นี่คือความจริงที่ยากจะยอมรับ: รูปแบบรายได้แบบพาสซีฟนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแบบไม่ต้องลงมือทำอย่างที่หลายคนคิด มักต้องมีการลงทุนหรือใช้เงินมากในช่วงแรก เช่นการเขียนหนังสือที่จะขาย การพัฒนาหลักสูตรสำหรับหลักสูตรออนไลน์ของคุณ หรือการเลือกและซื้ออพาร์ตเมนต์ให้เช่า
บ่อยครั้งที่งานที่จำเป็นในการสร้างกระแสพาสซีฟอินคัมนั้นไม่ได้รับค่าตอบแทน โดยหวังว่าความพยายามของคุณจะได้รับการตอบแทนภายในเวลาหลายเดือนหรือหลายปี
นอกจากนี้ยังมีงานด้านการจัดการเนื้อหา บริการ หรือผลิตภัณฑ์ และคุณอาจต้องมีส่วนร่วมทางการตลาดเพื่อให้ข้อเสนอของคุณเข้าถึงการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายได้จริง
หากเพิ่มงานบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องและงานธุรการธุรกิจประเภทอื่น ๆ เข้าไป คุณอาจเริ่มสงสัยว่าทำไมจึงใช้คำว่า "Passive"
@KateBour
ถึงแม้นี่คือสิ่งที่ต้องพิจารณา แต่ Passive Income ก็ยังเป็นแหล่งรายได้ที่มีศักยภาพในการทำเงิน ซึ่งหลายคนเลือกที่จะทำควบคู่ไปกับการทำงานแบบลงมือทำจริง
สำหรับรูปแบบรายได้พาสซีฟอินคัมทางออนไลน์ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopify ช่วยให้คุณสามารถทำงานอัตโนมัติอย่างการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อ ที่จะช่วยลดเวลาที่คุณต้องใช้ในการติดตามงานในธุรกิจของคุณ
เปรียบเทียบ Passive Income และ Active Income
อย่าคิดว่า Passive Income เป็นเพียงกลโกงทางการเงินสุดลึกลับที่ผู้ประกอบการนั่งอยู่บนโซฟาในขณะที่แล็ปท็อปกำลังพิมพ์เงินออกมา แต่ให้เข้าใจว่ารายได้แบบพาสซีฟคือคำอธิบายถึงที่มาของการลงมือทำงาน ซึ่งแตกต่างจากงานรูปแบบอื่น ๆ
รายได้จะถือว่าเป็นแบบ Passive เมื่อลงมือทำงานอย่างเต็มที่ พูดอีกอย่างคือ
- Passive Income เกิดขึ้นจากการใช้แรงทำงานหรือการลงทุนทางการเงินในช่วงแรก โดยได้รับค่าตอบแทนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง
- Active Income หมายถึงการแลกเปลี่ยนแรงงานและรายได้ซึ่งกันและกัน โดยที่ได้รับค่าตอบแทนเกือบจะทันที
ทั้งรายได้แบบ Passive และ Active ล้วนต้องอาศัยการทำงาน ขึ้นอยู่กับว่างานนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด คนที่รับเงินจากแบรนด์ให้เขียนบล็อกโพสต์ทุกเดือน ก็สามารถสร้างรายได้แบบ Active หรือได้รับเงินทันทีได้ ส่วนคนที่เขียนโพสต์บล็อก 20 โพสต์ลงเว็บไซต์ของตัวเองและสร้างรายได้จากลิงก์ Affiliate ก็สามารถสร้าง Passive Income ได้
รายได้แบบ Passive มีความเสี่ยงมากกว่าเมื่อเทียบกับรายได้แบบ Active Income แต่ก็สามารถเป็นอาชีพเสริมที่ดีได้หากคุณเลือกประเภทของพาสซีฟอินคัมที่เหมาะกับทักษะและตารางเวลาของคุณ
Passive Income มีประเภทใดบ้าง?
- ค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์และบริการ
- ค่าคอมมิชชั่นการตลาดและโฆษณา
- ค่าลิขสิทธิ์
- เงินปันผลจากธุรกิจ
- รายได้จากการเช่า
- การชำระคืนเงินกู้และการเช่า
Passive Income มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ประเภทแรกคือสิ่งที่คุณ สร้างแล้วขายหรืออนุญาตให้ใช้สิทธิ์เพื่อรับรายได้อย่างต่อเนื่องแบบแพสซีฟผ่านการสร้างสรรค์ อาจประกอบด้วย
ค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์และบริการ
การสร้างแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์แบบบริการ (SaaS) เมื่อการพัฒนาเบื้องต้นเสร็จสิ้น ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเหล่านี้จะยังคงสร้างรายได้ต่อไปได้โดยไม่ต้องทำงานเพิ่มเติมมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นบริการแบบสมัครสมาชิก
ค่าคอมมิชชั่นการตลาดและโฆษณา
การตลาดแบบ Affiliate เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างรายได้แบบ Passive Income คุณสามารถโปรโมตสินค้าของผู้อื่นและรับค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายทุกครั้งที่ทำผ่านลิงก์แนะนำของคุณ
คุณยังสามารถสร้างรายได้จากโฆษณาจากวิดีโอที่คุณอัปโหลดไปยังช่อง YouTube หรือรายได้จากการสนับสนุนโพสต์บน Instagram หรือตอนพอดแคสต์ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียช่วยให้คุณสร้างรายได้จากคอนเทนต์ของคุณและสร้างรายได้ในระยะยาว
ค่าลิขสิทธิ์
การได้รับค่าลิขสิทธิ์จากหนังสือที่คุณแต่ง เพลงที่คุณแต่ง หรือสิทธิบัตรที่คุณประดิษฐ์ขึ้น ถือเป็นรายได้แบบพาสซีฟอีกรูปแบบหนึ่ง ทุกครั้งที่มีคนซื้อหรือใช้สิ่งที่คุณสร้างขึ้น คุณจะได้รับค่าตอบแทน
Passive Incomeประเภทที่สองมาจากการลงทุน ซึ่งได้มาจากการกู้ยืมสินทรัพย์ของคุณ การลงทุนในธุรกิจ หรือการรับดอกเบี้ย ตัวอย่างเช่น
เงินปันผลจากธุรกิจ
การลงทุนในธุรกิจสามารถเป็นอีกแหล่ง Passive Income ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อหุ้นในบริษัทมหาชน คุณก็สามารถรับรายได้แบบพาสซีฟในรูปแบบของเงินปันผลได้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานประจำวันของบริษัทโดยตรง แต่ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งกำไร
Pพาสซีฟอินคัมประเภทนี้จัดอยู่ในประเภทรายได้ที่ไม่ได้รับจากการทำงานตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร (IRS) และรวมถึงดอกเบี้ยและเงินปันผลจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ที่ต้องเสียภาษี
รายได้จากการเช่า
ในกรณีที่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านมืออาชีพ การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการสร้าง Passive Income หลังจากซื้อและให้เช่าแล้ว คุณอาจสร้างกำไรได้หลังจากหักค่าผ่อนบ้านและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
การชำระคืนเงินกู้และการเช่า
การให้เช่าอุปกรณ์และการให้ยืมสินทรัพย์ก็สามารถสร้างรายได้จากการลงทุนได้เช่นกัน คุณซื้อสินทรัพย์ ปล่อยเช่า และรับรายได้จากการชำระเงิน
10 วิธีสร้างพาสซีฟอินคัม อัปเดตใหม่ 2026
นี่คือไอเดีย Passive Income ที่ได้รับความนิยม
- ออกแบบผลิตภัณฑ์แบบพิมพ์ตามสั่ง
- เป็นนักการตลาด Affiliate
- สร้างคอร์สออนไลน์
- ขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล
- ได้รับสปอนเซอร์
- ขายสินค้าผ่านระบบดรอปชิป
- ลงทุนใน Private Equity
- สร้างรายได้จากการให้เช่า
- ลงทุนในตลาดหุ้น
- ร่วมลงทุนในสินเชื่อแบบ Peer-to-Peer
ออกแบบผลิตภัณฑ์แบบพิมพ์ตามสั่ง
การพิมพ์ตามสั่งคือรูปแบบธุรกิจที่คุณออกแบบผลิตภัณฑ์ White Label ตามความต้องการของลูกค้า เมื่อลูกค้าสั่งซื้อ พาร์ทเนอร์การพิมพ์ตามสั่งของคุณจะพิมพ์และจัดส่งสินค้าให้คุณ คุณจะได้รับส่วนต่างระหว่างราคาที่คุณเรียกเก็บจากลูกค้าและราคาที่ซัพพลายเออร์กำหนดไว้
หากคุณสามารถจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม สร้างการออกแบบที่ดึงดูด และเข้าถึงลูกค้าผ่านกลยุทธ์การตลาด ที่มีประสิทธิภาพ คุณสามารถใช้การพิมพ์ตามสั่งเพื่อสร้าง Passive Income จากทักษะความคิดสร้างสรรค์ของคุณ
เป็นนักการตลาด Affiliate
การตลาดแบบ Affiliate คือการที่คุณจะร่วมมือกับบริษัทเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเขา พวกเขาจะให้ลิงก์ที่คุณแชร์ เมื่อมีคนคลิกลิงก์และทำการซื้อ คุณจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการขาย
งานหนักของนักการตลาดแบบ Affiliate คือการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการโปรโมท จากนั้นเข้าถึงผู้ชมที่สนใจ โดยช่องทางการตลาดแบบ Affiliate ที่ได้รับความนิยมประกอบด้วยการค้นหาแบบออร์แกนิกและการตลาดบน YouTube เมื่อคุณได้ผู้ชมแล้ว รายได้จากการตลาดแบบ Affiliate สามารถเป็น Passove Income ได้ ตราบใดที่ผู้คนคลิกลิงก์ของคุณและซื้อ คุณก็จะได้รับรายได้
Shopify มีโปรแกรม Affiliate สำหรับครีเอเตอร์ นักการตลาด และผู้ที่สนใจในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่
สร้างคอร์สออนไลน์
การสร้างรายได้จากการแบ่งปันความรู้ของคุณสามารถเป็นรูปแบบของ Passive Income ที่ทำกำไรได้ ไม่ว่าคุณจะเก่งด้านการตลาดดิจิทัลหรือเป็นเชฟเบเกอรีฝีมือฉมัง แน่นอนว่ามีผู้ชมที่อยากเรียนรู้จากคุณ
คอร์สออนไลน์สามารถมีได้หลายรูปแบบ อาจเป็นวิดีโอที่บันทึกไว้ให้ผู้เรียนเรียนรู้ตามที่ตนเองสะดวก อาจเป็นอีบุ๊กที่มีรายละเอียดสำหรับผู้ที่ชอบอ่าน หรืออาจเป็นบทเรียนเชิงโต้ตอบบนระบบการจัดการการเรียนรู้ที่มอบประสบการณ์แบบลงมือทำจริง และคุณยังสามารถผสมผสานรูปแบบเหล่านี้เพื่อตอบสนองต่อสไตล์การเรียนรู้ที่แตกต่างกันได้
เมื่อคอร์สของคุณเปิดให้บริการแล้ว จะเป็นการสร้างรายได้ทุกครั้งที่มีนักเรียนใหม่ลงทะเบียน นี่คือเสน่ห์ของคอร์สออนไลน์ คือการที่คุณทำงานเพียงครั้งเดียว แต่สามารถทำเงินต่อไปได้หลังจากนั้น เป็นตัวเลือกที่ดีในการสร้าง Passive Income
ขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล
การขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในการสร้าง Passive Income ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลแตกต่างจากผลิตภัณฑ์จริงตรงที่สร้างขึ้นเพียงครั้งเดียวและสามารถขายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งโดยไม่ต้องเติมสต็อกใหม่ ผลิตภัณฑ์อาจเป็นไฟล์เพลงและงานศิลปะดิจิทัล ไปจนถึงอีบุ๊กและเครื่องมือซอฟต์แวร์
หากคุณเป็นนักดนตรี คุณสามารถสร้างเพลงประกอบสำหรับวิดีโอที่ผู้คนสามารถซื้อและใช้ในเนื้อหาของตนได้ หากคุณเป็นนักวาดภาพดิจิทัล คุณสามารถสร้างแปรง เท็กซ์เจอร์ หรือแม่แบบที่ศิลปินคนอื่นสามารถใช้ในงาน นักออกแบบอาจสร้างฟอนต์ ไอคอน หรือธีมร้านค้าออนไลน์
กุญแจสำคัญคือการค้นหาความต้องการผลิตภัณฑ์ดิจิทัลในกลุ่มของคุณ เมื่อผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของคุณถูกสร้างขึ้นและลงรายการในแพลตฟอร์มออนไลน์ ทุกครั้งที่มีการดาวน์โหลดหรือซื้อคุณก็จะทำเงินได้
ได้รับสปอนเซอร์
การได้รับสปอนเซอร์เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของรายได้ที่ใช้ได้กับกิจกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์
สำหรับทางออนไลน์ คุณสามารถร่วมมือกับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงผู้ชมของคุณ หากคุณมีพอดแคสต์ บริษัทอาจสนับสนุนตอนหรือซีรีส์ของตอนและจ่ายเงินให้คุณเพื่อกล่าวถึงสินค้าหรือบริการของพวกเขาในระหว่างที่คุณอัดคลิป โดยไอเดียเดียวกันนี้ใช้ได้กับโพสต์บล็อก วิดีโอบน YouTube หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย
ในขณะที่ทางออฟไลน์ กิจกรรมหรือเหตุการณ์ของคุณอาจได้รับการสนับสนุน ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นนักกีฬา บริษัทอาจจ่ายเงินให้คุณเพื่อใช้และโปรโมทอุปกรณ์ของพวกเขา หากคุณจัดกิจกรรมหรืองานแฟนมีต บริษัทอาจเป็นสปอนเซอร์ให้เพื่อแลกกับการโฆษณาหรือโปรโมท
หากคุณสามารถสร้างความร่วมมือกับแบรนด์ที่สอดคล้องกับค่านิยมของคุณและเกี่ยวข้องกับผู้ชมของคุณ พวกเขาสามารถให้รายได้ที่สม่ำเสมอด้วยการลงมือทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ขายสินค้าผ่านระบบดรอปชิป
เมื่อคุณทำธุรกิจดรอปชิป การดรอปชิปช่วยให้คุณสามารถทำธุรกิจได้โดยที่ไม่ต้องลงมือทำเองมากเนื่องจากไม่มีการจัดการสต็อกหรือคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง หากคุณสามารถค้นหาสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยมมาขายได้ และร่วมมือกับซัพพลายเออร์ดรอปชิปที่เชื่อถือได้ โมเดลนี้ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้และมีประสิทธิภาพ
ลงทุนใน Private Equity
การเป็นเจ้าของหุ้นในธุรกิจสามารถเป็น Passive Income ได้ ขึ้นอยู่กับระดับการมีส่วนร่วมของคุณ
Private Equity หมายถึงเงินที่คุณลงทุนโดยตรงในบริษัท ร่วมลงทุนในธุรกิจร่วมลงทุน หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนเหล่านี้มักถูกมองว่ามีความเสี่ยง และส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะสร้างผลตอบแทนได้ แต่การลงทุนเหล่านี้อาจเป็นแหล่งพาสซีฟอินคัมที่ดีหากคุณกำลังมองหาการลงทุนระยะยาว
สร้างรายได้จากการให้เช่า
Passive Income ที่พบมากที่สุดมาจากอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์และให้เช่าแก่ผู้เช่า
บางคนอาจโต้แย้งว่าการเป็นเจ้าของบ้านเช่าไม่ใช่ Passive Income เพราะคุณต้องดูแลรักษาและปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์ แต่คุณสามารถจ้างผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์มาดูแล หรือใช้เวลาสองสามชั่วโมงต่อเดือนในการจัดการคำขอและข้อกังวลของผู้เช่าได้
ส่วนที่ต้องใช้ความพยายามในการบำรุงรักษามากที่สุดในการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าคือการเปลี่ยนแปลง เมื่อผู้เช่ารายหนึ่งย้ายออก และอีกรายย้ายเข้ามา
ลงทุนในตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นเป็นหนึ่งในวิธีสร้าง Passive Income ที่ง่ายที่สุด เมื่อบริษัทได้กำไร ก็จะคืนรายได้กลับไปยังนักลงทุนในรูปแบบของเงินปันผล คุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างเงินปันผลได้หลากหลาย เช่น
- หุ้นปันผล
- กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)
- กองทุนดัชนี
- กองทุน ETF ที่จ่ายเงินปันผล
การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลนั้นง่าย เพียงลงทะเบียนกับบริการที่ปรึกษาหรือโบรกเกอร์ เติมเงินในบัญชี และซื้อสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งข้างต้นนี้
ร่วมลงทุนในสินเชื่อแบบ Peer-to-Peer
การให้กู้ยืมแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P) จะเชื่อมโยงผู้ให้กู้และผู้กู้แต่ละรายเข้าด้วยกันโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร ช่วยให้ผู้กู้ได้รับสินเชื่อด่วนในต้นทุนต่ำ โดยอัตราดอกเบี้ยจะแตกต่างกันไปตามคะแนนเครดิตของผู้กู้
ข้อดี 4 ประการของ Passive Income
นี่คือเหตุผลที่อาจทำให้คุณต้องการสร้างพาสซีฟอินคัม
1. ช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตและทำงานจากที่ไหนก็ได้
คุณสามารถใช้ชีวิตและทำงานจากที่ไหนก็ได้เมื่อคุณไม่ต้องพึ่งพาเงินเดือน รายได้แบบ Passive Income มอบความยืดหยุ่นที่วิธีการสร้างรายได้แบบอื่นไม่สามารถให้ได้ คุณสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานการครองชีพของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถท่องเที่ยวหรือทำสิ่งอื่น ๆ ได้
2. ลดความเครียดและความวิตกกังวล
การไม่มีเงินพอสำหรับการใช้จ่ายเป็นสาเหตุหลักของความเครียดสำหรับใครหลายคน Passive Income จะช่วยให้คุณสามารถใช้จ่ายสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไม่พอจ่าย คุณมีแรงผลักดันทางการเงินที่จะบริหารจัดการตัวเอง รวมถึงเวลา และทรัพย์สินของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อคุณมีรายได้แบบพาสซีฟอินคัม
3. ให้อิสระทางการเงินมากขึ้น
Passive Income ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การหารายได้เสริมเท่านั้น เมื่อมีช่องทางรายได้มากกว่าหนึ่งทาง คุณสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องพึ่งพานายจ้างรายใดรายหนึ่งหรือผู้อื่น อีกทั้งยังช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นในการใช้เวลาตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำโปรเจกต์ที่ตัวเองรักหรือเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็ก
4. คุณอาจได้รับกระแสเงินสดเพิ่มเติม
การสร้างความมั่งคั่งที่เป็นไปได้คือแรงดึงดูดสำคัญของ Passive Income สามารถเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างความมั่งคั่ง เกษียณได้ก่อนวัย สนับสนุนวิถีชีวิตของนักเดินทางดิจิทัลและเพิ่มมูลค่าสุทธิของคุณ
คุณสามารถทำเงินจากพาสซีฟอินคัมได้เท่าไร?
รายได้ที่คุณสามารถสร้างได้จาก Passive Income นั้นแตกต่างกันไป อาจเป็นเงินสดเพิ่มเล็กน้อยในแต่ละเดือน หรืออาจเป็นรายได้ต่อปีที่สูงมาก ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณขายและความสามารถในการขยายขนาด
ยกตัวอย่างการลงทุน กองทุน ETF ที่ติดตามดัชนี S&P 500 อาจให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 8.31% ในขณะที่อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าอยู่ที่ประมาณ 7.5% ต่อปี การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 9.5% ทั้งหมดนี้ดีกว่าบัญชีออมทรัพย์ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนเพียง 1.5% ต่อปี
ครีเอเตอร์ออนไลน์ก็สามารถทำรายได้จาก Passive Income ได้เหมือนกัน นักการเงินส่วนบุคคลที่เป็น YouTuber และนักเขียนอย่าง Frankie Calkins ทำเงินได้ 800 ดอลลาร์ (ประมาณ 25,946 บาท) ในเดือนมกราคม จาก Passive Income รวมถึงโฆษณา,ช่อง YouTube, การขายหนังสือ, และการตลาดแบบพันธมิตร ในขณะที่อีกคนทำเงินได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์จากการดรอปชิป
รายได้จะขึ้นอยู่กับเวลา ความพยายาม และทรัพยากรที่คุณทุ่มเทลงไปในการสร้าง ความสามารถในการเติบโตของผลิตภัณฑ์ ราคาขาย และความต้องการที่มีต่อผลิตภัณฑ์นั้นมากเพียงใด
เริ่มสร้าง Passive Income ตอนนี้เลย
เป็นโอกาสดีที่คุณจะมีสินทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้สร้างรายได้แบบพาสซีฟอินคัมอยู่แล้ว หรือมีทักษะที่สามารถนำมาใช้เพื่อสร้างรายได้เสริม
จำไว้ว่าการสร้างรายได้แบบพาสซีฟไม่ใช่เรื่องง่าย มีภาระงานเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเป้าหมาย การสร้างหรือซื้อสินทรัพย์ และการบริหารจัดการธุรกิจของคุณ
เมื่อคุณเตรียมการลงทุนเพื่อสร้างรายได้แบบ Passive Income ไม่ว่าจะเป็นการร่วมลงทุนในธุรกิจใหม่หรือการซื้อหลักทรัพย์ที่สร้างรายได้ คุณก็จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในระยะยาวได้โดยแทบไม่ต้องลงมือทำงานเลย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Passive Income
Passive Income ต้องเสียภาษีหรือไม่?
Passive Income จะถูกเก็บภาษีตามวิธีสร้างรายได้ ขึ้นอยู่กับคุณที่จะเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายภาษีเงินได้ในท้องถิ่น นี่คือคำเตือนบางประการสำหรับรายได้แบบพาสซีฟและการเก็บภาษี
- ทำความเข้าใจว่า IRS ให้คำจำกัดความของรายได้แบบ Passive Income ไว้อย่างไร สำหรับ IRS รายได้แบบ Passive Income หมายถึง "รายได้จากการเช่าสุทธิ" หรือ "รายได้จากธุรกิจที่ผู้เสียภาษีไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญ"
- ทำความเข้าใจว่าอะไรคือ "การมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญ" IRS มีแนวทางปฏิบัติสำหรับสิ่งที่เรียกว่าการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญ ที่กำหนดว่าบุคคลนั้นมีส่วนร่วมในธุรกิจหรือกิจกรรมที่สร้างรายได้อื่นๆ อย่างไร
- ทำความเข้าใจว่าเมื่อใดที่รายได้แบบ Passive Income จะต้องเสียภาษีแบบเฉพาะ ซึ่งมักจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราเดียวกับเงินเดือน แต่ IRS อาจได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
หมายเหตุ: นี่ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงินหรือภาษี ควรปรึกษานักบัญชีเพื่อสอบถามเป็นกรณีเฉพาะ
มือใหม่สามารถสร้าง Passive Income ได้อย่างไร?
ขั้นตอนเริ่มต้นของการสร้างรายได้แบบ Passive Income นั้นยากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่คุณจะต้องลงทุนทั้งเวลาและพลังงานส่วนใหญ่ การสร้างสินทรัพย์ตั้งแต่เริ่มต้นนั้นต้องอาศัยการคิดไอเดียที่สามารถทำตลาดได้ การวางแผน และการสร้างมันขึ้นมาจริง ๆ หากคุณลงทุน คุณต้องเก็บเงินไว้ลงทุนในสินทรัพย์ เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือหุ้น แล้วจึงค่อยบริหารจัดการการลงทุนหลังจากซื้อ
คุณสามารถใช้ชีวิตจาก Passive Income ได้หรือไม่?
หากคุณบริหารเงินได้ดี คุณก็สามารถเกษียณก่อนกำหนดและใช้ชีวิตด้วย Passive Income ได้ ผู้สร้างคอร์สที่ได้รับค่าตอบแทนสูงที่สุดบางรายใน Udemy มีรายได้ 17,000 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยไม่ต้องทำงานประจำ นักลงทุนยังสามารถใช้ชีวิตด้วยการลงทุนผ่านอสังหาริมทรัพย์ การให้กู้ยืมแบบ P2P และ IRA หรือ 401(k) หากลงทุนในหุ้นปันผลในระยะยาว
เราจะสร้างรายได้แบบพาสซีฟได้อย่างไร?
- ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า
- สร้างและขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล
- ให้เช่าบ้านของคุณ
- เป็นนักการตลาดแบบ Affiliate
- ทำบล็อกหรือช่อง YouTube
- ลงทุนในตลาดหุ้น
- ร่วมลงทุนในสินเชื่อแบบ Peer-to-Peer
รายได้แบบ Passive Income กับรายได้ที่ไม่ได้มาจากการทำงาน ต่างกันอย่างไร
Passive Income ประกอบด้วยรายได้ที่ได้รับจากค่าเช่า ค่าลิขสิทธิ์ และเงินสมทบในห้างหุ้นส่วนจำกัด รายได้ที่ไม่ได้รับประกอบด้วยรายได้อื่นๆ เช่น เงินมรดก เงินรางวัลจากการพนัน รายได้จากดอกเบี้ยที่ต้องเสียภาษี เงินปันผลปกติ เงินบำนาญ และเงินส่วนแบ่งกำไรจากการขายสินทรัพย์


