สัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว และเจ้าของก็รักที่จะเอาใจพวกน้องๆ เสียด้วย คำถามคือคุณจะสร้างธุรกิจสัตว์เลี้ยงอย่างไรเพื่อใช้ประโยชน์จากความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลายนี้ หากคุณเป็นคนรักสัตว์ คุณอาจมีไอเดียบางอย่างอยู่แล้ว แต่จำไว้ว่าการเริ่มต้นธุรกิจต้องการอะไรที่มากกว่าแค่การมองเห็นโอกาสที่ดี
การทำธุรกิจสัตว์เลี้ยงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสัตว์สายพันธุ์ต่างๆ ปัญหาทั่วไปของสัตว์เลี้ยง และความกังวลของเจ้าของสัตว์เลี้ยง
เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจยิ่งขึ้น บทความนี้จะเน้นธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน โดยแสดงให้เห็นว่าธุรกิจเหล่านี้ตอบสนองความต้องการของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของได้อย่างไร และยังมีเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับวิธีการเริ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยงแบบนับหนึ่งตั้งแต่ต้น
ธุรกิจสัตว์เลี้ยงทำกำไรได้หรือไม่?
ในปี 2024 เจ้าของสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกาใช้จ่ายเป็นเงินประมาณ 151,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับน้องๆ สัตว์เลี้ยงของตัวเอง โดยส่วนใหญ่ใช้จ่ายกับค่าอาหารและขนม ตรงนี้แสดงให้เห็นว่ามีตลาดและความสนใจในร้านขายสัตว์เลี้ยงอยู่จริง แต่คำถามคือธุรกิจเหล่านี้ทำกำไรได้จริงหรือไม่
ยอดขายจากร้านขายสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2012 และแนวโน้มนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2028 ถึงแม้จะมีโอกาสทำเงิน แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่คุณวางแผนจะทำ
ตัวอย่างเช่น บริการพาสัตว์เลี้ยงเดินและดูแลอาจต้องใช้งบประมาณเล็กน้อยในด้านการตลาดและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับประกันภัย แต่บริการทำความสะอาด ดูแล และการเลี้ยงสัตว์ในระยะยาวมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเนื่องจากต้องมีสถานที่จริงหรือสถานที่แบบเคลื่อนที่
ในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณสามารถตั้งราคาและกำไรให้เหมาะกับโมเดลธุรกิจของคุณได้
10 ไอเดียธุรกิจสัตว์เลี้ยงยอดนิยม
ธุรกิจสัตว์เลี้ยงสามารถให้บริการหรือมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่การพาสัตว์เลี้ยงเดินเล่นและการทำความสะอาด ไปจนถึงการขายชามและของเล่นเคี้ยว บางธุรกิจจะเน้นไปที่เจ้าของแมวและสุนัข ในขณะที่บางธุรกิจมุ่งเน้นไปที่สัตว์เลี้ยงเฉพาะกลุ่ม เช่น สัตว์เลื้อยคลานและแมงมุม
ในอุตสาหกรรมนี้ สิ่งสำคัญคือการค้นหาตลาดเฉพาะทางที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับการสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ แต่เล็กพอสำหรับการสร้างแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร
ในขณะที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงแบบดั้งเดิมมักมีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ควรหลีกเลี่ยงการเป็นธุรกิจที่ “ทำได้ทุกอย่าง” เพราะจะทำให้การสร้างแบรนด์ออนไลน์เป็นเรื่องยากและทำให้คุณต้องแข่งขันกับเครือข่ายใหญ่และซูเปอร์มาร์เก็ต
จำไว้ว่าผู้ซื้อออนไลน์มักจะชอบร้านเฉพาะทาง เราจะมาดูไอเดียผลิตภัณฑ์และบริการสัตว์เลี้ยงที่คุณสามารถทำจนเชี่ยวชาญได้
- บริการดูแลสัตว์เลี้ยง
- อาหารสัตว์เฉพาะกลุ่ม
- เสื้อแจ็คเก็ตและเสื้อผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
- บริการพาสุนัขเดินเล่น
- อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง
- อุปกรณ์ฝึกสัตว์เลี้ยง
- การทำความสะอาดสัตว์เลี้ยง
- หลักสูตรออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยง
- การดูแลสุนัขในระยะยาว
- ของที่ระลึกแบบสั่งทำ
1. บริการดูแลสัตว์เลี้ยง
หากคุณชอบใช้เวลากับสัตว์เลี้ยงและต้องการให้บริการในพื้นที่ใกล้บ้าน การเริ่มธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นวิธีที่ดีในการเข้าสู่อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะเมื่อดูจากการที่ 82 ล้านครัวเรือนในสหรัฐอเมริกานั้นมีสัตว์เลี้ยง นั่นคือคุณจะมีลูกค้าในอนาคตมากมาย
การเริ่มทำธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยงมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างต่ำ งานส่วนใหญ่จะอยู่ที่การตลาดและการหาลูกค้ารายแรกๆ ประกันภัยจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดของคุณ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณสามารถสร้างรายชื่อผู้ใช้และขยายธุรกิจด้วยการจ้างพนักงานได้
ธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยงหลายแห่งได้ย้ายธุรกิจไปสู่ออนไลน์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า โดยเสนอการจองและการชำระเงินออนไลน์ รวมถึงรายงานประจำวันเกี่ยวกับกิจกรรมของสัตว์เลี้ยง
เว็บไซต์และแอปดูแลสัตว์เลี้ยงในท้องถิ่น เช่น Petsie ให้บริการในสถานที่เฉพาะ เช่น โตรอนโต เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถใช้ Petsie เพื่อจองผู้ดูแลและบริการอื่นๆ เช่น พาสุนัขเดิน บางธุรกิจยังให้บริการสัตว์แปลก เช่น งูและนกด้วย
คุณสามารถสร้างเว็บไซต์หรือแอปเพื่อเสนอการดูแลสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ใกล้บ้านคุณ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงเอง หรือในฐานะบริษัทที่จ้างผู้ดูแลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
2. อาหารสัตว์เฉพาะกลุ่ม
หากคุณสนใจสร้างผลิตภัณฑ์มากกว่าการให้บริการ และคุณใส่ใจในสิ่งที่สัตว์เลี้ยงกิน การเริ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงอาจเหมาะกับคุณ
เพื่อให้ธุรกิจโดดเด่นในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง คุณจะต้องค้นหาตลาดเฉพาะทางโดยอาจนำเสนออาหารสำหรับสัตว์เฉพาะกลุ่ม (เช่น สุนัขหรือกิ้งก่า) หรือเน้นไปที่ความต้องการด้านอาหารเป็นพิเศษ
การผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในปริมาณมากอาจมีค่าใช้จ่ายสูง หากคุณทำอาหารสัตว์เลี้ยงเอง คุณจะต้องขอใบอนุญาตและใบรับรองที่จำเป็นด้วย แต่ถ้าคุณเก่งงานครัว คุณสามารถเริ่มจากธุรกิจเล็กๆ และขยายเติบโตไปเรื่อยๆ ได้
การนำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของคุณมาขายบนออนไลน์ช่วยให้คุณขยายฐานลูกค้าได้ ตัวอย่างเช่น Maev ผลิตสูตรอาหารดิบแบบพรีเมียมสำหรับสุนัข และขายให้กับลูกค้าทั่วประเทศผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง
หากคุณมีสูตรอาหารสัตว์เลี้ยงที่ไม่เหมือนใครในแบบเดียวกับที่ Maev มี คุณสามารถมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าออนไลน์ด้วยรูปแบบการสมัครสมาชิกเพื่อให้ลูกค้าได้รับถุงอาหารมื้อถัดไปได้อย่างตรงตามเวลา
3. เสื้อแจ็คเก็ตและเสื้อผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
เสื้อผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงยังคงเป็นหมวดสินค้าที่ได้รับความนิยม ธุรกิจสัตว์เลี้ยงหลายแห่งใช้ดรอปชิปปิ้งเพื่อให้มีตัวเลือกแจ็คเก็ตและอุปกรณ์เสริมสำหรับสุนัขและแมวมากมาย
การมุ่งเน้นเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะเมื่อขายเสื้อผ้าสำหรับสุนัข คุณอาจสร้างร้านค้าที่เชี่ยวชาญในเสื้อผ้าสำหรับสุนัขเฉพาะบางสายพันธุ์ อย่าง Frenchie Shop ก็เน้นไปที่น้องหมาพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก ซึ่งถ้าคุณเลี้ยงน้องเฟรนช์บูลด็อกอยู่และกำลังมองหาเสื้อผ้า ก็มีโอกาสที่คุณจะซื้อจากแบรนด์ที่เชี่ยวชาญในน้องๆ เฟรนช์บูลด็อกอยู่แล้ว หรือคุณอาจขายเสื้อผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับกิจกรรมหรือไลฟ์สไตล์เฉพาะ ตัวอย่างเช่น Ruffwear ที่ขายอุปกรณ์เดินป่าและอุปกรณ์เสริมสำหรับการผจญภัยกลางแจ้งกับสัตว์เลี้ยงของคุณ
4. บริการพาสุนัขเดินเล่น
หากคุณรักน้องหมา การเริ่มธุรกิจพาสุนัขเดินอาจเป็นวิธีที่ดีในการพบปะเพื่อนขนฟูใหม่ๆ ได้ออกกำลังกาย และหารายได้เสริม
ธุรกิจพาสุนัขเดินมักจะให้บริการในชุมชนท้องถิ่นเช่นเดียวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง คุณอาจพาสุนัขเดินเล่นในสวนสาธารณะใกล้บ้าน หรือเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น Salty Paws ซึ่งให้บริการการผจญภัยริมชายฝั่งสำหรับสุนัข
บริการอย่างการพาสุนัขเดินและการดูแลสัตว์เลี้ยงต้องอาศัยการบริการลูกค้าที่ดี ความไว้วางใจคือสิ่งสำคัญในธุรกิจนี้ และสามารถสร้างได้ด้วยการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
5. อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง
เจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนต้องมีอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ชามอาหาร ของเล่น กล่องเก็บอุจจาระ และสายจูง ถึงแม้สินค้าเหล่านี้จะมีขายทั่วไป แต่ก็ยังมีโอกาสที่สำคัญในตลาดนี้
คุณอาจคิดว่าการขายสินค้าจำเป็นจะทำให้แข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้ยาก แต่ไม่ใช่เสมอไป ตัวเลือกที่มีมากมายอาจนำไปสู่ความไม่แน่ใจในการเลือก ซึ่งตรงนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีกขนาดเล็ก
การมุ่งเน้นไปที่ประเภทสินค้าเฉพาะทางจะทำให้คุณสามารถสร้างแบรนด์และกลายเป็นสถานที่ซึ่งลูกค้าของคุณต้องการ
ในตลาดอุปกรณ์เสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง คุณอาจกลายเป็นผู้ค้าปลีกที่ได้รับการรับรองของผลิตภัณฑ์เฉพาะทางหรือหายากได้ ตัวอย่างเช่น ร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง Teddybob เป็นผู้ค้าปลีกผลิตภัณฑ์แมวระดับพรีเมียมอย่าง Pidan
อีกไอเดียคือการคัดสรรผลิตภัณฑ์ตามรูปแบบหรือประเภท ตัวอย่างเช่น Only Natural Pet มุ่งมั่นที่จะขายสินค้าที่ตรงตามเกณฑ์ “สัญญาที่ซื่อสัตย์” ของตน รวมถึงการปราศจากส่วนผสมไร้คุณภาพ
6. อุปกรณ์ฝึกสัตว์เลี้ยง
วิธีที่สร้างสรรค์ในการเริ่มต้นธุรกิจสัตว์เลี้ยงคือการแก้ปัญหาทั่วไปให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยง
ตั้งแต่เครื่องให้อาหารอัตโนมัติที่ทำให้เวลาอาหารง่ายขึ้น ไปจนถึงของเล่นอัจฉริยะที่ทำให้สัตว์เลี้ยงมีความสุข อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงเต็มไปด้วยโอกาสในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่และเสนอการตอบโจทย์ความต้องการอย่างชาญฉลาด มีประสิทธิภาพ หรือยั่งยืนมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น Fresh Patch มุ่งหวังที่จะทำให้การฝึกสัตว์เลี้ยงง่ายขึ้นด้วยแผ่นรองสำหรับสุนัขที่ทำจากหญ้าจริง แผ่นเหล่านี้ช่วยให้สุนัขสามารถใช้ห้องน้ำในบ้านบนหญ้าจริง ทำให้การเปลี่ยนไปใช้ห้องน้ำกลางแจ้งเป็นเรื่องง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการที่สะอาดและดูดซับได้ตามธรรมชาติสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์
7. การทำความสะอาดสัตว์เลี้ยง
การทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงเป็นอีกหนึ่งบริการที่คุณสามารถเสนอให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้ เช่นเดียวกับการพาเดินเล่นและดูแลสัตว์เลี้ยง ธุรกิจทำความสะอาดต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าและความไว้วางใจ เนื่องจากเจ้าของสุนัขใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ $99 (ประมาณ 3,500–3,600 บาทต่อปี) ในการทำความสะอาด จึงมีโอกาสทางธุรกิจมากมายในจุดนี้
มีหลายวิธีในการเข้าสู่ธุรกิจที่เน้นการทำความสะอาดนอกเหนือจากการมีหน้าร้านจริง อยู่ที่ว่าคุณสามารถให้บริการทำความสะอาดนอกสถานที่ได้หรือไม่ คุณมีความเชี่ยวชาญในการทำความสะอาดสุนัขที่วิตกกังวลหรือได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ คุณสามารถให้บริการกับสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ได้หรือไม่
ผู้ทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงบางคนได้เปลี่ยนงานของพวกเขาให้เป็นคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย ตัวอย่างเช่น Girl With The Dogs สร้างวิดีโอที่น่าชมและผ่อนคลายเกี่ยวกับการทำความสะอาดของเธอ ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นคอนเทนต์โปรโมตสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เธอใช้และขายผ่านลิงค์การตลาดแบบ Affiliate
8. หลักสูตรออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยง
เจ้าของสัตว์เลี้ยงมักต้องการเรียนรู้ทักษะการดูแลสัตว์เลี้ยงจากผู้เชี่ยวชาญ หากคุณมีความรู้เฉพาะทาง หรือสามารถเชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของได้ ธุรกิจการเรียนรู้ออนไลน์อาจเหมาะกับคุณ
คุณไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติในการเป็นผู้ฝึกสุนัขอย่างเป็นทางการ ดังนั้น ถึงแม้ลูกค้าจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการร่วมมือกับผู้ฝึกสอนที่ได้รับการรับรอง แต่การเริ่มต้นธุรกิจฝึกสุนัขมีอุปสรรคในการเข้าน้อยกว่าที่คุณคิด ที่จริงแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเสนอการบริการแบบตัวต่อตัวก็ได้
แบรนด์อย่าง Wiglo เสนอการฝึกอบรมที่ครอบคลุมและมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ผ่านแอป ลูกค้าสามารถเลือกโปรแกรมได้มากกว่า 100 โปรแกรม ตั้งแต่ความวิตกกังวลจากการแยกตัว ไปจนถึงการฝึกใช้ห้องน้ำ เพื่อฝึกสุนัขที่บ้าน
9. การดูแลสุนัขในระยะยาว
ในขณะที่การดูแลสัตว์เลี้ยงมักเป็นเรื่องของการดูแลสัตว์เลี้ยงเพียงตัวเดียวในบ้าน การดูแลสุนัขในระยะยาวจะเกี่ยวข้องกับการดูแลสัตว์เลี้ยงหลายตัวในสถานที่เฉพาะ หลายครอบครัวมีคนดูแลสัตว์เลี้ยงที่ต้องทำงาน ซึ่งต้องออกจากบ้านเป็นเวลานาน การจัดหาสถานที่ให้น้องๆ ของพวกเขาเล่นในช่วงเวลาทำงานนั้นมีคุณค่าอย่างมากต่อความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง
การดูแลสุนัขในระยะยาวยังเป็นบริการเสริมที่ดีต่อผลิตภัณฑ์ของคุณ ตัวอย่างเช่น The Hipster Hound มีผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงออนไลน์และการดูแลสุนัขแบบครบวงจรที่ร้านค้าปลีกในซาวานนา รัฐจอร์เจีย
อีกหนึ่งรูปแบบของธุรกิจการดูแลสุนัขในระยะยาวคือการดูแลสัตว์เลี้ยงสำหรับครอบครัวที่ไปเที่ยวพักผ่อน ตั้งแต่พาสปอร์ตสัตว์เลี้ยงไปจนถึงการฉีดวัคซีนและการขนส่ง ค่าใช้จ่ายในการพาสัตว์เลี้ยงไปเที่ยวอาจสูงมาก การให้บริการดูแลสัตว์เลี้ยงสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับคุณในการสร้างธุรกิจทำเงิน
10. ของที่ระลึกแบบสั่งทำ
ในยุคที่สัตว์เลี้ยงถือเป็นสมาชิกสำคัญในครอบครัว เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนชื่นชอบวิธีที่ไม่เหมือนใครและสร้างสรรค์ในการแสดงความรักต่อเพื่อนขนฟู ขนปุย หรือมีเกล็ดของตัวเอง
ภาพวาดสัตว์เลี้ยงเป็นผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงแบบสั่งทำที่รู้จักกันดี แต่ตัวเลือกในธุรกิจนี้มีอยู่มากมายตามจินตนาการของคุณ อาจเป็นหมอนสัตว์เลี้ยงแบบสั่งทำ หนังสือเรื่องราวสัตว์เลี้ยงของตัวเอง หรือเครื่องประดับที่มีธีมสัตว์เลี้ยงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ Cuddle Clones สร้างของเล่นนุ่มนิ่มที่น่ารักเป็นโมเดลสัตว์เลี้ยง รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่สั่งทำได้ เช่น แม่เหล็กติดตู้เย็นและเสื้อสเวตเตอร์
วิธีเริ่มทำธุรกิจสัตว์เลี้ยง
ถ้ามีไอเดียแล้ว นี่คือขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจสัตว์เลี้ยงของคุณ
- ศึกษาตลาด
- สร้างแบรนด์
- ตั้งชื่อธุรกิจสัตว์เลี้ยง
- เขียนแผนธุรกิจ
- ทำสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
- สร้างร้านค้า
- ทำการตลาดให้กับธุรกิจสัตว์เลี้ยง
1. ศึกษาตลาด

การศึกษาตลาดเป็นเรื่องของการเข้าใจลูกค้าของคุณ กลุ่มเป้าหมายของคุณคือกลุ่มที่คุณตั้งเป้าหมายเพื่อเข้าถึงด้วยการตลาด ซึ่งก็คือผู้ที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นลูกค้า ในธุรกิจสัตว์เลี้ยง ช่องทางตลาดสามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่กว้างๆ ได้ดังนี้
- ระดับหรู: รวมถึงบริการและผลิตภัณฑ์ระดับสูง เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงที่ทำจากวัตถุดิบเกรดมนุษย์ที่ปรุงโดยเชฟ โรงแรมสัตว์เลี้ยงพรีเมียม และสปาทำความสะอาดสัตว์เลี้ยง
- ระดับกลาง: หมวดหมู่นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดเฉพาะทาง อาจรวมถึงอาหารสูตรพิเศษ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด อุปกรณ์ฝึก และขนมที่ทำเอง
- ตลาดมวลชน: หากความสามารถในการจ่ายเป็นสิ่งสำคัญ หมวดหมู่นี้จะมีผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ของเล่นยางเคี้ยวและชามอาหาร
ตอบให้ได้ว่าคุณต้องการมุ่งเป้าไปที่ตลาดใด จากนั้นทำการศึกษาธุรกิจคู่แข่งในตลาดนั้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่ลูกค้ากำลังซื้ออยู่แล้วและมีแนวโน้มที่จะซื้อจากคุณ
2. สร้างแบรนด์
การสร้างแบรนด์เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างธุรกิจสัตว์เลี้ยง แบรนด์ของคุณมีอิทธิพลต่อทุกอย่างตั้งแต่สไตล์การสื่อสารไปจนถึงความสวยงามโดยรวม และจะต้องโดดเด่นต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณด้วย โดยควรให้ความสำคัญในเรื่องต่อไปนี้
การสร้างจุดเด่นของผลิตภัณฑ์
เสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าเฉพาะเพื่อให้โดดเด่น ตัวอย่างเช่น ของเล่นเคี้ยวที่มีขนแปรงช่วยแปรงฟัน หรืออาจจะเป็นของเล่นเคี้ยวที่มีเสียงดังเหมือนกระดูก ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า
เอกลักษณ์ที่มองเห็นได้
เอกลักษณ์ที่มองเห็นได้หมายรวมถึงโลโก้ ดีไซน์ เว็บไซต์ สื่อโซเชียล และบรรจุภัณฑ์ โดยคุณจะต้องสื่อสารแบรนด์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อกลุ่มเป้าหมาย
เรื่องราวของแบรนด์
เรื่องราวแบรนด์ที่น่าสนใจจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่าทำไมธุรกิจของคุณถึงมีอยู่และกระตุ้นให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วม ตรงนี้เป็นพื้นฐานของธุรกิจของคุณ
3. ตั้งชื่อธุรกิจสัตว์เลี้ยง
การเลือกชื่อธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่เรียบง่ายและอธิบายได้จะทำให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยเสริมการตลาดแบบปากต่อปาก
หากคุณมีปัญหาในการคิดชื่อธุรกิจ ลองใช้เครื่องสร้างชื่อธุรกิจสัตว์เลี้ยงเพื่อหาไอเดียใหม่ๆ เพียงแค่ป้อนคำสำคัญ คลิก “สร้างชื่อ” และเลือกดูชื่อที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติหลายพันชื่อ
4. เขียนแผนธุรกิจ
ทำให้ไอเดียของคุณเป็นจริงด้วยแผนธุรกิจ โดยแผนนี้จะช่วยแนะนำสิ่งที่ธุรกิจของคุณต้องทำ ช่วยกำหนดเป้าหมายธุรกิจและกลยุทธ์ของคุณ บอกให้รู้ถึงอุปสรรค และประเมินทรัพยากรที่จำเป็น
นี่คือสิ่งที่ควรพิจารณา
- คุณจะมีร้านค้าปลีกหรือไม่?
- คุณจะขายส่งให้กับธุรกิจอื่นหรือไม่?
- คุณจะเริ่มต้นร้านค้าอีคอมเมิร์ซหรือไม่?
แผนธุรกิจของคุณควรตอบคำถามเหล่านี้และทำหน้าที่เป็นเอกสารอ้างอิง อย่าลืมตรวจสอบกฎหมายธุรกิจในประเทศและพื้นที่ของคุณด้วย เนื่องจากคุณอาจต้องมีใบอนุญาตหรือใบรับรอง ใช้เทมเพลตแผนธุรกิจฟรีเป็นแนวทางได้
ข้อกำหนดทางกฎหมาย
การเริ่มต้นธุรกิจสัตว์เลี้ยงเป็นมากกว่าความหลงใหลในสัตว์ ซึ่งต้องอาศัยการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย นี่คือแง่มุมทางกฎหมายที่สำคัญบางประการที่ต้องพิจารณา
การจดทะเบียนธุรกิจ
ขั้นตอนแรกคือการจดทะเบียนธุรกิจของคุณ กระบวนการนี้จะต่างกันไปตามสถานที่ของคุณ แต่โดยทั่วไปแล้ว คุณจะต้องจดทะเบียนชื่อธุรกิจและโครงสร้าง (เช่น เจ้าของคนเดียว หุ้นส่วน หรือ บริษัท) กับหน่วยงานของรัฐที่ถูกต้อง
ใบอนุญาตและใบรับรอง
คุณอาจต้องมีใบอนุญาตหรือใบรับรองเฉพาะโดยขึ้นอยู่กับธุรกิจสัตว์เลี้ยงของคุณ ตัวอย่างเช่น การขายอาหารสัตว์เลี้ยงอาจต้องมีใบอนุญาตจากหน่วยงานสาธารณสุข ให้ตรวจสอบกับรัฐบาลในประเทศของคุณเพื่อให้รู้ว่าต้องใช้ใบอนุญาตอะไรบ้าง
ประกันภัย
ประกันภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ คุณจะต้องมีประกันความรับผิดเพื่อป้องกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ หากคุณให้บริการดูแลสัตว์เลี้ยงหรือพาสุนัขเดิน ควรพิจารณาประกันภัยการดูแล การควบคุม และการรับเลี้ยง ซึ่งจะคุ้มครองคุณหากสัตว์เลี้ยงได้รับบาดเจ็บหรือสูญหาย
กฎระเบียบด้านสวัสดิภาพสัตว์
หากธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับการดูแลสัตว์ คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสวัสดิภาพสัตว์ กฎหมายเหล่านี้แตกต่างกันมากในแต่ละพื้นที่ ดังนั้นจึงต้องศึกษากฎระเบียบเฉพาะในพื้นที่ของคุณ ซึ่งอาจครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่ขนาดและความสะอาดของที่อยู่อาศัยของสัตว์ ไปจนถึงประเภทอาหารและการดูแลทางการแพทย์ที่สัตว์ได้รับ
ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดสำหรับธุรกิจสัตว์เลี้ยงของคุณ
5. ทำสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง

หากคุณกำลังเริ่มต้นธุรกิจที่ขายผลิตภัณฑ์แบบจับต้องได้ คุณจะต้องตัดสินใจว่าจะทำเองหรือจัดหาผลิตภัณฑ์ หากคุณจะใช้การจัดหา หลักๆ ก็มีสองวิธีด้วยกัน คือดรอปชิปปิ้งและการสั่งผลิต
ดรอปชิปปิ้ง
ดรอปชิปปิ้งเป็นรูปแบบการค้าปลีกออนไลน์ที่คุณขายผลิตภัณฑ์ที่ผลิต เก็บรักษา และจัดส่งโดยบริษัทภายนอก รูปแบบนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้มีสินค้าคงคลังมากเกินไปและช่วยให้คุณมีเวลากับการมุ่งเน้นที่การตลาดหรือบริการอื่นๆ เช่น การทำความสะอาดหรือการพาสุนัขเดิน ได้มากขึ้น
การสั่งผลิต
หากคุณชอบวิธีการที่เป็นรูปธรรม คุณสามารถหาผู้ผลิตของคุณเอง วิธีนี้มักจะสามารถสั่งทำและปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้นในราคาที่ถูกกว่า หรือมีการจัดส่งที่รวดเร็วขึ้นหากคุณเลือกบริษัทในท้องถิ่น
6. สร้างร้านค้า
ตอนนี้คุณมีผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงแล้ว คำถามคือจะขายที่ไหนล่ะ? สถานที่ที่เหมาะกับการเริ่มต้นคือร้านค้าออนไลน์ของคุณเอง
Shopify เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้นเมื่อพูดถึงการสร้างร้านค้าออนไลน์ โดยคุณสามารถสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมเลย
เมื่อคุณลงทะเบียนกับ Shopify คุณจะได้รับหน้าร้านที่สวยงาม ระบบชำระเงินที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก และเครื่องมือการตลาดที่ใช้งานง่าย c]tยังสามารถเข้าถึง Shopify App Store ซึ่งคุณจะได้มีปลั๊กอินไว้ปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณ
สร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวด้วยหน้าร้านจริง
หน้าร้านจริงเป็นตัวเลือกแบบดั้งเดิมในการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้า สร้างบรรยากาศที่น่าอยู่ จัดกิจกรรมในร้าน และให้บริการลูกค้าอย่างยอดเยี่ยมเพื่อกระตุ้นการเติบโตแบบปากต่อปาก
สำหรับร้านค้าหรือบูธในตลาด Shopify’s POS Go เป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ประมวลผลการชำระเงินและช่วยจัดการสินค้าคงคลัง
เชื่อมต่อกับฟีเจอร์ที่สำคัญเพื่อเติบโตธุรกิจของคุณได้เลย
ให้บริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม
ในธุรกิจสัตว์เลี้ยง บริการลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณไม่ได้ให้บริการเพียงแค่ลูกค้า แต่ยังรวมถึงสัตว์เลี้ยงที่พวกเขารักด้วย นี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณให้บริการลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม
- เข้าใจความต้องการของลูกค้า: เจ้าของสัตว์เลี้ยงแต่ละคนมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ปรับบริการของคุณให้ตรงตามความต้องการเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่อายุมากจะแตกต่างจากผลิตภัณฑ์สำหรับลูกสุนัข
- ตอบสนองอย่างรวดเร็ว: ตอบกลับคำร้องเรียนของลูกค้าอย่างรวดเร็วเสมอเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับลูกค้า
- ให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ใช้ความเชี่ยวชาญของคุณเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงเพื่อแนะนำลูกค้าของคุณ โดยทำให้ตัวเองเป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ
- ทำให้มากกว่าที่คาดหวัง: การแสดงออกเล็กน้อย เช่น การเขียนบันทึกขอบคุณด้วยลายมือหรือขนมเซอร์ไพรส์สามารถเปลี่ยนผู้ซื้อทั่วไปให้กลายเป็นลูกค้าประจำได้
บริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
การบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจสัตว์เลี้ยงของคุณ และควรเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง โดยให้ตรวจสอบสถานการณ์ทางการเงินของคุณอย่างสม่ำเสมอและปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น
- ติดตามค่าใช้จ่ายของคุณ: ตรวจดูทุกค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ต้นทุนสินค้าคงคลัง ไปจนถึงการตลาด เพื่อจัดการกระแสเงินสดและทำให้เวลายื่นภาษีง่ายขึ้น
- ตั้งงบประมาณ: งบประมาณจะกำหนดรายได้และค่าใช้จ่ายที่คาดหวังของคุณ ช่วยให้คุณจัดสรรทรัพยากรและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินงบ
- ตรวจสอบกระแสเงินสดของคุณ: ติดตามกระแสเงินสดที่เข้ามาและออกไปจากธุรกิจของคุณ เพื่อให้คุณสามารถจ่ายเงินสำหรับสินค้าคงคลังได้เพียงพอ
- วางแผนสำหรับสิ่งที่ไม่คาดคิด: รักษาเงินสำรองไว้เพื่อค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
- ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ: หากการจัดการการเงินไม่ใช่จุดแข็งของคุณ ให้จ้างผู้เชี่ยวชาญ
7. ทำการตลาดให้กับธุรกิจสัตว์เลี้ยง
เมื่อคุณสร้างผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของคุณแล้ว และมีวิธีการขายให้กับลูกค้าของคุณ คุณจะต้องคิดเรื่องกลยุทธ์การตลาด หากคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณเติบโต
หากคุณมีความหลงใหลในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง คุณอาจพบว่าคุณกำลังทำกิจกรรมการตลาดบางอย่างด้านล่างอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่ในอุตสาหกรรมนี้หรือการตลาดโดยทั่วไป เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณเริ่มต้นการตลาดให้กับธุรกิจของคุณได้
เริ่มต้นในท้องถิ่น
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงเป็นกุญแจสำคัญต่อความยั่งยืนของธุรกิจของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเสนอบริการ เช่น การทำความสะอาดหรือการพาสุนัขเดิน ซึ่งจำเป็นต้องมีลูกค้าในพื้นที่ใกล้บ้าน
เริ่มต้นด้วยการเข้าร่วมกลุ่ม Facebook และชุมชนออนไลน์ในท้องถิ่น เข้าร่วมการสนทนา เสนอความเชี่ยวชาญและบริการ แต่จำไว้ว่าห้ามฮาร์ดเซลจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดต่อครั้งแรกกับลูกค้าที่มีศักยภาพ
ผู้คนมักจะปกป้องสัตว์เลี้ยงของตนอย่างมาก ความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะในธุรกิจสัตว์เลี้ยง และผู้คนจะไม่ไว้วางใจคุณหากพวกเขามองว่าการติดต่อของคุณเป็นความพยายามที่ไม่จริงใจในการโปรโมตธุรกิจ ลองสร้างโฆษณา Facebook ด้วยข้อความที่เขียนอย่างรอบคอบเพื่อมุ่งเป้าไปที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงในชุมชนใกล้บ้านคุณ
ใช้โซเชียลมีเดีย
หากคุณเคยคิดไม่ตกว่าจะโพสต์อะไรในโซเชียลมีเดีย คุณจะรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องยากที่จะโพสต์อย่างสม่ำเสมอในขณะที่ต้องรักษาระดับการมีส่วนร่วมที่สูง
แต่ด้วยธุรกิจสัตว์เลี้ยง คุณมีแหล่งคอนเทนต์ที่สมบูรณ์แบบ สัตว์เลี้ยงเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ สมมติว่าคุณมีสัตว์เลี้ยงหนึ่งหรือสองตัว การสร้างคอนเทนต์ที่ดีสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงจะค่อนข้างง่าย
สำหรับผู้ทำความสะอาด ผู้เดิน และผู้ดูแลสัตว์เลี้ยง ทุกปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าสี่ขารายใหม่คือโอกาสสำหรับคอนเทนต์บนเว็บ แม้แต่กิจกรรมที่น่าเบื่อที่สุดก็กลายเป็นที่น่าสนใจเมื่อมีสุนัขหรือแมวเข้ามาเกี่ยวข้อง
คุณยังสามารถใช้คอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้ใช้จากลูกค้าหรือผู้ใช้ของคุณ ลองดูว่าแบรนด์อุปกรณ์เสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง Clive and Bacon โพสต์ภาพและวิดีโอของสัตว์เลี้ยงที่สวมใส่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอย่างไรที่ด้านล่างนี้
คุณยังสามารถเริ่มต้นโปรแกรมการตลาดแบบ Affiliate และร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณได้
โดยในแต่ละช่องทางการตลาดก็ต้องการประเภทคอนเทนต์ที่แตกต่างกันเล็กน้อย เริ่มต้นด้วยการทำการตลาดในช่องทางหนึ่งก่อน ทำให้ประสบความสำเร็จ แล้วค่อยขยายไปยังช่องทางอื่น
ทำความคุ้นเคยกับการเขียนบล็อกและ SEO
การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นพบโดยผู้ที่กำลังมองหาสิ่งที่คุณนำเสนอ สำหรับธุรกิจสัตว์เลี้ยง ตรงนี้มักหมายถึงการตอบคำถามของเจ้าของสัตว์เลี้ยง
ถึงแม้การเขียนบล็อกจะใช้เวลามากกว่าการสร้างคอนเทนต์โซเชียลมีเดีย แต่ผลตอบแทนอาจมากกว่า ตัวอย่างเช่น บล็อกโพสต์ที่เขียนได้ดีซึ่งมีการตอบคำถามทั่วไป จะสามารถนำผู้คนมาที่เว็บไซต์ของคุณได้เป็นเวลาหลายปี
ตัวอย่างเช่น หากคุณทำความสะอาดสัตว์เลี้ยง คุณอาจเขียนเกี่ยวกับวิธีการทำให้สัตว์เลี้ยงสะอาด หากคุณขายขนมสัตว์เลี้ยงที่ดีต่อสุขภาพ คุณอาจตอบคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่สัตว์เลี้ยงควรกิน ยิ่งคุณให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากเท่าไร ผู้คนก็จะยิ่งไว้วางใจธุรกิจของคุณมากขึ้นเท่านั้น
เข้าร่วมกิจกรรมในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง
การสร้างเครือข่ายและการพัฒนาวิชาชีพเป็นสิ่งสำคัญในทุกอุตสาหกรรม กิจกรรมในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง เช่น เวิร์กช็อป การประชุม การแสดงสินค้า และการบรรยาย สามารถเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างทักษะใหม่หรือเชื่อมต่อกับผู้คนมากขึ้น
การจัดแสดงสินค้าเป็นการสร้างมูลค่าให้สินค้า แต่จะยิ่งดีขึ้นหากคุณขายผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่ไม่เหมือนใครหรือทำด้วยมือ หากคุณขายผลิตภัณฑ์ที่คุณไม่สามารถหาซื้อได้จากที่อื่น การทำแคมเปญจัดแสดงสินค้าที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจและนำผลิตภัณฑ์ของคุณเข้าสู่ร้านค้าปลีกได้
สร้างรายชื่ออีเมล
อีกวิธีหนึ่งในการทำการตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงของคุณคือการสร้างรายชื่ออีเมล ไม่ว่าคุณจะเสนอผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดหรือบริการที่ได้รับรางวัล อีเมลคือที่ที่คุณสามารถมีการสนทนาแบบตัวต่อตัวกับลูกค้าของคุณได้
การตลาดทางอีเมลช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่มีอยู่และช่วยกู้คืนรถเข็นที่ถูกทิ้ง สำหรับผู้ซื้อที่ลังเล การโน้มน้าวให้พวกเขาให้ที่อยู่อีเมลกับคุณนั้นง่ายกว่าการทำให้พวกเขาซื้อ
ด้วยข้อความที่ชัดเจนและตรงเวลาในอีเมลของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนลูกค้าที่อาจซื้อให้กลายเป็นผู้สนับสนุนได้
เริ่มต้นธุรกิจสัตว์เลี้ยงของคุณเอง
การเริ่มต้นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมที่คุณหลงใหลเป็นเรื่องที่ดีต่อใจ สำหรับคนรักสัตว์ที่มองหาช่องการการหารายได้จากที่บ้าน การเปิดธุรกิจสัตว์เลี้ยงสามารถเป็นแหล่งรายได้ที่คุ้มค่าสำหรับปีต่อๆ ไปได้
อย่ากลัวกับไอเดียในการเริ่มต้นธุรกิจของคุณเอง การสร้างธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่ยั่งยืนและประสบความสำเร็จนั้นสามารถทำได้ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม ตราบใดที่ผู้คนรักสัตว์เลี้ยงของพวกเขา พวกเขาจะชื่นชมบริการที่ช่วยให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขาปลอดภัยและมีความสุข
ภาพประกอบโดย Pete Ryan
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับธุรกิจสัตว์เลี้ยง
ค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นธุรกิจสัตว์เลี้ยงอยู่ที่เท่าไร?
สำหรับประเทศไทย ต้นทุนเริ่มต้นธุรกิจสัตว์เลี้ยงมักอยู่ระหว่าง 200,000–800,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ เช่น ร้านอาบน้ำตัดขน โรงแรมสัตว์เลี้ยง หรือร้านขายสินค้า รวมถึงทำเลและจำนวนพนักงาน หากเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่เริ่มจากที่บ้าน ต้นทุนอาจต่ำกว่านี้มาก
ไอเดียธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่ทำกำไรได้มีอะไรบ้าง?
ไอเดียธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่ทำกำไรได้มีทั้งการให้บริการดูแลสัตว์เลี้ยง การผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเฉพาะทาง และการขายอุปกรณ์ฝึกสัตว์เลี้ยง ตัวเลือกอื่นๆ ได้แก่ การทำและขายเสื้อผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยง บริการทำความสะอาด หลักสูตรออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยง และของที่ระลึกสั่งทำ
ธุรกิจสัตว์เลี้ยงใดที่ทำกำไรได้มากที่สุด?
ในประเทศไทย ธุรกิจอาบน้ำตัดขนสัตว์เลี้ยง ถือเป็นหนึ่งในไอเดียที่ทำกำไรได้สูงที่สุด โดยเฉพาะบริการ อาบน้ำตัดขนแบบเคลื่อนที่ที่ให้บริการถึงบ้าน ซึ่งสะดวกต่อลูกค้าและมีต้นทุนเริ่มต้นไม่สูงมาก ปกติใช้เงินลงทุนราว 150,000-400,000 บาท ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และรถที่ใช้บริการ
อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงเป็นตลาดที่กำลังเติบโตหรือไม่?
อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และคาดว่าการเติบโตจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคตหลังจากปี 2028 การเติบโตนี้เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเพิ่มขึ้นของการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงและการตระหนักถึงสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่มากขึ้น
จะทำให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงของเราโดดเด่นได้ยังไง?
หากอยากให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงของคุณโดดเด่นในตลาดไทย ควรมุ่งเน้น กลุ่มสัตว์เลี้ยงเฉพาะทาง เช่น สุนัขพันธุ์เล็กยอดนิยม อย่างปอมเมอเรเนียน ชิสุ หรือคอร์กี้, แมวสายพันธุ์พิเศษ อย่างเปอร์เซีย สก็อตติชโฟลด์ หรือสฟิงซ์ หรือแม้แต่ สัตว์เลี้ยงสูงวัย ที่ต้องการการดูแลเฉพาะด้าน
คุณสามารถสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละสายพันธุ์ เช่น แชมพูออร์แกนิกสูตรเฉพาะสำหรับขนฟู หรืออาหารสูตรบำรุงข้อและกระดูกสำหรับสัตว์อายุมาก รวมถึงการให้บริการลูกค้าที่เป็นมิตร และการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ผ่านคอนเทนต์ SEO และโพสต์โซเชียลมีเดียที่สะท้อนความเชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยง


