ถ้าคุณกำลังมองหาไอเดียธุรกิจออนไลน์ที่ไม่ต้องเหนื่อยกับการดูแลมากนัก การทำดรอปชิป Private Label จะช่วยให้ผู้ประกอบการไม่ต้องหนักใจกับการพัฒนาสินค้า สิ่งที่ต้องทำมีแค่เลือกสินค้าที่มีอยู่แล้ว ใส่ชื่อแบรนด์หรือดีไซน์ของคุณลงไป และให้พาร์ทเนอร์ดรอปชิป Private Label จัดการเลือกสินค้า แพ็กของ และจัดส่งให้ลูกค้าของคุณ
การศึกษาวิจัยของ Bazaarvoice ในปี 2024 เผยให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ จำนวน 64% เคยซื้อสินค้า Private Label ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และ 44% เคยเปลี่ยนจากสินค้าหลักมาใช้สินค้า Private Label อย่างถาวร
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีตอบสนองความต้องการนั้นด้วยร้านค้าดรอปชิป Private Label ของคุณเอง
ดรอปชิป Private Label คืออะไร?
ดรอปชิป Private Label คือการขายสินค้าของบุคคลที่สามที่มีการใส่แบรนด์และ/หรือดีไซน์ของคุณเอง ข้อดีหลัก ๆ ของการทำดรอปชิป Private Label คือคุณสามารถเริ่มทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้แม้ในงบประมาณที่จำกัด และไม่ต้องเก็บสต็อกสินค้า
การดรอปชิป Private Label ไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลในช่วงแรก โดยค่าใช้จ่ายเริ่มต้น เช่น การพัฒนาสินค้า การจัดเก็บสินค้า และการจัดการคำสั่งซื้อ ซัพพลายเออร์ดรอปชิป Private Label จะจัดการให้คุณ ซึ่งจะต่างจากธุรกิจ Private Label อื่น
สินค้าดรอปชิป Private Label
นี่คือตัวอย่างสินค้าดรอปชิป Private Label ที่คุณสามารถใช้เริ่มธุรกิจได้
- เสื้อผ้า (เสื้อยืด เสื้อฮู้ด ถุงเท้า)
- เครื่องดื่ม (ชา น้ำอัดลม น้ำผลไม้)
- กาแฟ
- เครื่องสำอาง (รองพื้น โลชั่น ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม)
- เคสโทรศัพท์
- อาหารเสริม (วิตามิน สมุนไพร สารต้านอนุมูลอิสระ)
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (หูฟัง ลำโพง ที่ชาร์จ)
- ของตกแต่งบ้าน (หมอน ผ้าห่ม งานศิลปะติดผนัง)
- ของเล่น (ของเล่นทารก ของเล่นสัตว์เลี้ยง ของเล่นสำหรับเด็ก)
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการดรอปชิป Private Label
- อ่านรีวิวจากซัพพลายเออร์
- ขอรายละเอียดสินค้า
- ขายสิ่งที่คุณรัก
- ทดสอบสินค้าด้วยตัวเอง
- กำหนดแนวทางจัดการเรื่องการคืนสินค้าและช่วยเหลือลูกค้า
- ค้นหาตลาดเป้าหมายและกลุ่มเฉพาะของคุณ
อ่านรีวิวจากซัพพลายเออร์
การเลือกพาร์ทเนอร์ที่มีชื่อเสียงนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากซัพพลายเออร์ดรอปชิป Private Label จะมีหน้าที่ผลิต จัดส่ง และจัดการสินค้า Private Label ของคุณ โดยสามารถค้นหาในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ดังนี้
อ่านรีวิวของซัพพลายเออร์ Private Label แต่ะละรายจากรายชื่อที่คุณเลือกมา โดยธุรกิจอื่น ๆ ที่ใช้ซัพพลายเออร์รายนี้เพื่อทำสินค้า Private Label จะมาแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ร่วมงาน คุณภาพสินค้า และการตอบสนองต่อคำขอรับความช่วยเหลือจากลูกค้าของบริษัท ซึ่งนี่เป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ
จำไว้ว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้า Private Label ผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณจะไม่รู้ว่ามีบริการดรอปชิปจากภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงแม้ซัพพลายเออร์บางรายจะมีการรับประกันบริการ แต่บางรายก็อาจปล่อยให้คุณแก้ปัญหาหรือข้อผิดพลาดเอง
ขอรายละเอียดสินค้า
เมื่อคุณเจอซัพพลายเออร์ที่น่าสนใจแล้ว ให้ขอข้อมูลต่อไปนี้
- ข้อมูลจำเพาะของสินค้า เช่น น้ำหนัก ขนาด วัสดุ และสี
- ข้อมูลจำเพาะของบรรจุภัณฑ์ที่มีแบรนด์ เช่น วัสดุและรูปแบบไฟล์โลโก้
- ระยะเวลาการจัดส่ง โดยผู้ซื้อออนไลน์อยากได้การจัดส่งฟรีและรวดเร็ว
- การรับรองสินค้า เช่น อาหาร เครื่องสำอาง และสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการรับรองจาก FDA
เลือกผู้ผลิตสินค้า Private Label ที่ตรงกับความต้องการของคุณ ควรเช็คว่าคุณนั้นพอใจกับคุณภาพสินค้าที่นำเสนอและข้อมูลที่ให้มาหรือไม่
ขายสิ่งที่คุณรัก
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้านั้นมีมากมาย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการขายสินค้าที่คุณไม่รู้จักเลยจึงเป็นเรื่องยาก คุณจึงควรเลือกซื้อสินค้าที่คุณเข้าใจและชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
หากคุณหลงใหลในการดูแลผิว คุณจะรู้ว่าสินค้าคุณภาพสูงนั้นเป็นอย่างไร รวมถึงส่วนผสมที่ต้องมีเมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวภายใต้แบรนด์ของคุณเอง และผลลัพธ์ที่คุณคาดหวัง
ทดสอบสินค้าด้วยตัวเอง
เมื่อเลือกซัพพลายเออร์แล้ว ให้สั่งซื้อตัวอย่างสินค้า หรือสั่งซื้อเป็นชุด ตรงนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำของสินค้าที่คุณจะทำ Private Label ดูว่าสินค้าในชุดทั้งหมดมีลักษณะและการใช้งานเหมือนกันหรือไม่ บรรจุภัณฑ์และคุณภาพสินค้าแต่ละตัวแตกต่างกันหรือไม่ การควบคุมคุณภาพจะต้องมีความสม่ำเสมอ
การทดสอบจะช่วยให้คุณมีโอกาสเข้าใจประสบการณ์ของลูกค้า ตั้งแต่การเปิดกล่องไปจนถึงการใช้สินค้า Private Label นี่คือพื้นฐานที่ดีสำหรับกลยุทธ์การตลาดของคุณ ตัวอย่างเช่น บันทึกวิดีโอขณะใช้สินค้าและโพสต์ลง TikTok ซึ่งผู้ใช้นั้นชอบที่จะเห็นเนื้อหาเบื้องหลังจากแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบ
กำหนดแนวทางจัดการเรื่องการคืนสินค้าและช่วยเหลือลูกค้า
จากนั้นคุณจะต้องกำหนดวิธีการจัดการเรื่องการคืนสินค้าและการช่วยเหลือลูกค้า ลูกค้าต่างก็คาดหวังว่าจะสามารถคืนสินค้าได้ แต่หากคุณไม่มีคลังสินค้าและไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะขายสินค้าต่อ การทำเช่นนี้จะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ
สอบถามซัพพลายเออร์ดรอปชิป Private Label ว่ายินดีรับคืนสินค้าและเติมสต็อกสินค้าเพื่อนำไปขายต่อหรือไม่ เมื่อคุณตัดสินใจเลือกแผนได้แล้ว ให้กำหนดนโยบายการคืนสินค้าที่คุณระบุไว้อย่างชัดเจนบนเว็บไซต์ของคุณ
เครื่องมืออย่าง Shopify Inbox จะช่วยคุณจัดการกับข้อกังวลหรือคำถามของลูกค้าที่เข้ามาได้ เพียงแต่คุณต้องกำหนดระยะเวลาในการตอบกลับให้ชัดเจน พยายามตอบกลับครั้งแรกให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากข้อความแรก
ค้นหาตลาดเป้าหมายและกลุ่มเฉพาะของคุณ
พยายามอย่าขายสินค้าหลากหลายประเภท ยิ่งร้านดรอปชิป Private Label ของคุณขายสินค้าที่มีความเฉพาะทางมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ลองเลือกสินค้ามาหนึ่งอย่างและเน้นที่สินค้าตัวนี้ ทำการวิจัยเพื่อค้นหาตลาดเป้าหมายและค้นหากลุ่มเฉพาะที่มีศักยภาพ จากนั้นทำความเข้าใจว่าลูกค้าในอุดมคติของคุณใช้สินค้าอย่างไร และอะไรคือสิ่งกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อ ทดลองใช้ช่องทางการตลาดที่แตกต่างกัน เช่น SEO หรือการตลาดผ่านอีเมลเพื่อดึงดูดพวกเขา
จากนั้นเลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างเช่น Shopify เริ่มสร้างเว็บไซต์ของคุณ กำหนดอัตรากำไร และตัดสินใจเกี่ยวกับราคาที่ดีที่สุดสำหรับสินค้าแต่ละตัวที่คุณขาย เมื่อคุณได้รับคำสั่งซื้อ ให้ส่งข้อมูลคำสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์และให้พวกเขาพิมพ์ฉลาก บรรจุ และจัดส่งให้ลูกค้า
จำไว้ว่าบริษัทดรอปชิปที่ดีที่สุดนั้นสร้างแบรนด์โดยเริ่มจากสินค้า Private Label ของตัวเอง
เริ่มธุรกิจดรอปชิป Private Label เลย
การดรอปชิป Private Label คือรูปแบบธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ผสานรวมสิ่งที่ดีที่สุดของการขายแบบ Private Label และการดรอปชิปเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นสินค้าอย่างเสื้อผ้าหรือเคสโทรศัพท์ มองหาซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือและขอข้อมูลจำเพาะของสินค้าเพื่อขายสินค้าที่คุณรัก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับดรอปชิป Private Label
ทำไมต้องดรอปชิป Private Label แทนที่จะเป็นดรอปชิปทั่วไป?
สินค้าแบรนด์ช่วยเพิ่มมูลค่าการรับรู้ของสินค้าและสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ได้ ซึ่งจะทำให้คุณผลตอบแทนและยอดขายที่สูงขึ้น
จะหาซัพพลายเออร์ดรอปชิป Private Label ได้ที่ไหน?
ค้นหาซัพพลายเออร์ Private Label สำหรับธุรกิจดรอปชิป Private Label ของคุณบนแพลตฟอร์มอย่าง Alibaba, Trendsi และ Apliiq ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบซัพพลายเออร์ที่คุณสนใจและเลือกไว้ โดยดูระยะเวลาการจัดส่ง ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ และรีวิวจากลูกค้า
จะสร้างโลโก้สำหรับแบรนด์ Private Label ได้ยังไง?
ใช้เครื่องมือสร้างโลโก้ฟรีของ Shopify หรือออกแบบโลโก้ด้วยตัวเองโดยใช้เครื่องมือฟรีอย่าง Canva


