15 โทนสีเว็บไซต์สะดุดตา และวิธีเลือกใช้สีให้มีประสิทธิภาพ

สีเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในกล่องเครื่องมือของนักออกแบบเว็บไซต์ เพราะสามารถดึงดูดความสนใจ สื่อความหมาย และจุดประการความต้องการได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชันและสร้างความภักดีของลูกค้าได้ด้วย

การเลือกโทนสีให้ดีนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการออกแบบเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ ที่คุณต้องสื่อสารข้อมูลอย่างรวดเร็วและชัดเจน เพื่อเปลี่ยนผู้ชมที่เข้ามาดูเฉยๆ ให้กลายเป็นลูกค้าที่ตั้งใจอุดหนุน

มาดู 15 โทนสีสำหรับเว็บไซต์ และเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกโทนสีสำหรับเว็บไซต์ของคุณกันเลย

โทนสีเว็บไซต์ คืออะไร

โทนสีเว็บไซต์ คือชุดโทนสีที่ถูกเลือกมาอย่างพิถีพิถันเพื่อกำหนดอัตลักษณ์ทางภาพของเว็บไซต์ โดยปกติจะมีสีหลักอยู่ประมาณ 3 - 5 สี ซึ่งถูกนำไปใช้กับองค์ประกอบทั้งหมด ตั้งแต่พื้นหลังไปจนถึงปุ่ม นักออกแบบจะเลือกชุดสีเหล่านี้เพื่อกระตุ้นอารมณ์เฉพาะ สร้างความกลมกลืนทางสายตา และเสริมความแข็งแกร่งให้กับการสร้างแบรนด์

เจ้าของธุรกิจ นักออกแบบ และนักพัฒนาจะทำงานร่วมกันในการเลือกสี โดยพิจารณาปัจจัยอย่างมาตรฐานของอุตสาหกรรม ความชอบของกลุ่มเป้าหมาย และจิตวิทยาของสี ถ้าสามารถเลือกใช้สีได้อย่างเหมาะสม โทนสีเว็บไซต์ก็จะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จ เพราะสามารถถ่ายทอดแก่นแท้ของแบรนด์และยกระดับประสบการณ์โดยรวมของผู้ใช้ได้อย่างลงตัว

ทำไมโทนสีเว็บไซต์ของคุณถึงสำคัญ

สร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านสี

สีถ่ายทอดความหมายและบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ พร้อมทั้งสร้างความสม่ำเสมอให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ บนเว็บไซต์ งานวิจัยแสดงว่าสีสามารถช่วยเพิ่มการจดจำแบรนด์ได้มากถึง 80%

ตามทฤษฎีสี นักออกแบบจะเลือกและผสมผสานโทนสีที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ที่ตรงกับแบรนด์ ผลลัพธ์คือการจัดวางสีที่สวยงามและสื่อสารอัตลักษณ์ของแบรนด์ไปยังผู้เข้าชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มอัตราคอนเวอรันด้วยการเลือกสีอย่างมีกลยุทธ์

สีเน้นเป็นองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่คอนเวอร์ชันได้มากที่สุด ข้อมูลปี 2024 ระบุว่า 85% ของผู้คนบอกว่าสีส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขาอย่างมาก

สีเน้นใช้ความตัดกันเพื่อทำให้สินค้าที่เฉพาะเจาะจงโดดเด่น และสร้างทิศทางที่ชัดเจน เช่น ชี้ไปที่ปุ่ม CTA และปุ่มซื้อ คุณสามารถหาสีเน้นได้จากวงล้อสี โดยเลือกสีเสริมที่อยู่ตรงข้ามกับสีหลัก ซึ่งจะโดดเด่นบนหน้าเว็บและดึงดูดสายตาผู้ใช้งาน

15 โทนสีที่สวยๆ สำหรับเว็บขายของออนไลน์

1. โทนสีฤดูใบไม้ร่วง
2. โทนสีนีออนสดใส
3. โทนสีเทศกาลแต่ทันสมัย
4. โทนสีธรรมชาติแบบวินเทจ
5. โทนเย็นเรโทร
6. โทนสีงาช้างตุ่นๆ
7. โทนสีนุ่มนวลและอบอุ่น
8. โทนสีมิ้นต์สดใส
9. คู่สีโทนอุ่น
10. โทนสีขาวละมุน
11. โทนสีธรรมชาติแบบเมือง
12. โทนสีดำและทองตัดกัน
13. โทนสีพาสเทลขี้เล่น
14. โทนสีชายฝั่งทะเล
15. โทนสีเด่นจัดจ้าน

นี่คือ 15 ตัวอย่างโทนสีเว็บไซต์จากโลกจริงที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับโทนสีเฉพาะตัวของแบรนด์คุณ

1. โทนสีฤดูใบไม้ร่วง

โทนสีธีมฤดูใบไม้ร่วงนี้ผสมผสานสีม่วงเปลือกมังคุดเข้มเข้ากับสีเขียวของป่า เพื่อสร้างการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนตัวตนของแบรนด์ tentree เมื่อรวมกับสีเบจอบอุ่นและสีเขียมมะกอกอ่อนแล้ว ทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ก็ยังแฝงด้วยความพร้อมสำหรับการผจญภัย

2. โทนสีนีออนสดใส

พาเลตสีของ Magic Spoon เน้นพลังงานสูง ความโดดเด่น และความสนุกสนาน สอดคล้องกับธีมซีเรียลวัยเด็กที่มีความขี้เล่น สีม่วงเข้มช่วยสร้างโทนที่โดดเด่นและสดใส เสริมด้วยสีชมพูนีออน เหลืองสด และเขียวมะนาวที่เพิ่มความตื่นเต้นและบรรยากาศแบบวัยรุ่น

3. โทนสีเทศกาลแต่ทันสมัย

พาเลตสีของ The Outrage ผสมผสานความรู้สึกที่แข็งแกร่งและทันสมัยเข้ากับความอบอุ่นในช่วงเทศกาลวันหยุดอย่างลงตัว สีน้ำเงินและสีเขียวที่โดดเด่นเข้าคู่กับสีแดงและสีขาวที่สดใส ช่วยสร้างบรรยากาศที่ร่าเริงและน่าฉลอง พร้อมสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวทางสังคมและการมีส่วนร่วมของชุมชน

4. โทนสีธรรมชาติแบบวินเทจ

โทนสีเว็บไซต์นี้ใช้เฉดสีเรียบและสีธรรมชาติเพื่อสร้างบรรยากาศสงบและแรงบันดาลใจแบบสไตล์วินเทจให้กับนักช้อป แบรนด์ Adorned Vintage ที่เน้นแฟชั่นผู้หญิงแบบคลาสสิกและเหนือกาลเวลา เข้ากันอย่างลงตัวกับเฉดสีเอิร์ธโทนจากครีมอ่อน เบจพาสเทล และเขียวอ่อน

5. โทนเย็นเรโทร

โทนสีในเว็บไซต์ของ Beefcake Swimwear ผสมผสานความสนุกกลางแจ้งเข้ากับความสง่างามแบบเรโทรได้อย่างลงตัว สีเขียวป่าเข้มและสีน้ำเงินเข้มแบบหม่น ตัดกับสีแดงสนิมและสีทรายกลาง สะท้อนความเป็นวินเทจของชุดว่ายน้ำในบรรยากาศธรรมชาติ

6. โทนสีงาช้างตุ่นๆ

โทนสีของเว็บไซต์ Silk & Willow ถ่ายทอดความหรูหราและสไตล์วินเทจได้อย่างลงตัว โดยผสมผสานสีเข้มอย่างชาร์โคลสเลตกับสีงาช้างอ่อน สร้างความตัดกันที่โดดเด่นและให้ความรู้สึกหรูหรา พร้อมสีขาวครีมและโทนเอิร์ธที่ช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติ ทำให้ดูคลาสสิก เชิญชวน และเหนือกาลเวลา

7. โทนสีนุ่มนวลและอบอุ่น

โทนสีอบอุ่นนุ่มนวลของ Kulala ผสมผสานสีเหลือมอำพันอ่อนกับแดงเข้มยามค่ำคืนเพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย สีลาเวนเดอร์หม่นและสีน้ำเงินเข้มช่วยเสริมความสงบ ขณะที่สีส้มสดเป็นจุดเด่นดึงดูดสายตาผู้ชม

8. โทนสีมิ้นต์สดใส

โทนสีของ Cocofloss สร้างความสมดุลระหว่างความสดชื่นและความสนุก สีเขียวมิ้นต์สดชื่นและสีน้ำเงินอควาอ่อนให้ความรู้สึกสะอาดเหมือนสปา ส่วนสีเหลืองสดใสและสีพีชอ่อนเพิ่มความอบอุ่นและพลังชีวิต

9. คู่สีโทนอุ่น

การใช้โทนสีอบอุ่น อย่างชมพูพาสเทลและเขียวเข้ม ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและน่าดึงดูดสำหรับคอลเลกชันเสื้อผ้านี้ พื้นหลังสีชมพูอ่อนช่วยให้เสื้อผ้าเป็นจุดสนใจ ขณะที่การใช้สีแดงและเหลืองสดใสเพิ่มพลังและความสนุกให้กับภาพรวม การผสมผสานระหว่างโทนกลางอ่อนและสีสันสดใสมอบความสมดุลและดึงดูดสายตา สะท้อนสไตล์สบายๆ และเป็นกันเองในแบบแบรนด์ Sundry

10. โทนสีขาวละมุน

Truvelle Bridal โดดเด่นด้วยชุดเจ้าสาวเรียบง่าย สะอาด และสง่างาม โทนสีของเว็บไซต์ที่ใช้ขาว ทูป และเทา สะท้อนสไตล์นี้ได้อย่างชัดเจน ด้วยโทนสีกลางอ่อนและนุ่มนวล ทำให้เรื่องราวแบรนด์และสินค้าโดดเด่นยิ่งขึ้น

11. โทนสีธรรมชาติแบบเมือง

โทนสีของ Velasca ใช้โทนอุ่นและสีกลางผสมกับเฉดสีเข้มที่ให้ความรู้สึกหรูหรา สถาปัตยกรรมของเว็บไซต์ใช้สีเทอราคอตตาอ่อนและเบจ สร้างบรรยากาศคลาสสิกแบบยุโรปที่น่าดึงดูด เสื้อแจ็กเก็ตสีเขียวมะกอกและสเวตเตอร์สีน้ำเงินเข้มของโมเดลช่วยเพิ่มความคอนทราสต์แบบธรรมชาติที่เข้ากับสีรอบๆ

12. โทนสีดำและทองตัดกัน

โทนสีที่โดดเด่นสำหรับสินค้าที่โดดเด่น การใช้สีดำของ BLK & Bold สื่อถึงความหรูหราและความน่าเชื่อถือ พร้อมด้วยสีทองสดใสที่เพิ่มความรู้สึกพรีเมียม สีขาวสะอาดตาและเทาอ่อนช่วยสร้างความเรียบง่ายแบบมินิมอล ทำให้ส่วนประกอบของเว็บไซต์โดดเด่นขึ้น

13. โทนสีพาสเทลขี้เล่น

โทนสีเว็บไซต์นี้ผสมผสานสีพาสเทลสดใสกับความแวววาวเล็กน้อย สร้างความรู้สึกอบอุ่นและเป็นผู้หญิง สีเขียวมิ้นต์ ชมพูบลัช และทองแชมเปญเพิ่มพลังงานสนุกสนานแต่หรูหรา สะท้อนเอกลักษณ์ของ Beauty Bakerie ที่เน้นความสวยงามและความสนุกสนาน

14. โทนสีชายฝั่งทะเล

โทนสีเว็บไซต์ของ Tofino Soap Company ใช้สีอ่อนๆ อันได้แรงบันดาลใจจากชายหาด ผสมกับโทนสีธรรมชาติและเอิร์ธโทน สีฟ้าอ่อน เบจอบอุ่น และน้ำตาลธรรมชาติ สร้างความรู้สึกสงบบริสุทธิ์และเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

15. โทนสีเด่นจัดจ้าน

โทนสีของเว็บไซต์ Fly by Jing ผสมผสานสีสันสดใสและจัดจ้านเข้ากับโทนสีเอิร์ธโทนที่สร้างความมั่นคง สีบานเย็นและส้มให้ความรู้สึกสนุกสนาน ขณะที่สีเขียวเข้มและม่วงเพิ่มความลึกและความหรูหรา โทนสีนี้ออกแบบมาเพื่อสร้างความตื่นเต้นและกระตุ้นให้ลองซอสพริกชื่อดังของแบรนด์

วิธีเลือกโทนสีเว็บไซต์ที่เหมาะสม

1. สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์
2. เลือกสีหลัก
3. เลือกสีรอง
4. กำหนดสีพื้นหลัง
5. เลือกสีของตัวอักษร

การสร้างโทนสีเว็บไซต์ต้องใช้ขั้นตอนอย่างเป็นระบบ นี่คือขั้นตอนที่ควรปฏิบัติเพื่อสร้างโทนสีเว็บไซต์ของคุณ

1. สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์

ก่อนเลือกสีใดๆ ให้พิจารณาแบรนด์และสินค้าของคุณก่อน พร้อมกับคิดว่าสีต่างๆ จะสะท้อนพันธกิจหรือคุณค่าของแบรนด์อย่างไร

ตัวอย่างเช่น แบรนด์ฟิตเนสอาจระบุคุณค่าหลักของแบรนด์ว่า กระตือรือร้น เน้นสุขภาพ และสร้างแรงจูงใจ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นมิลเลนเนียลรักสุขภาพ โทนสีเว็บไซต์อาจใช้สีสันสดใส มีพลัง เช่น เหลือง ส้ม หรือเขียว

ให้ตั้งคำถามเหล่านี้เพื่อสำรวจตัวตนของแบรนด์คุณก่อน

• คำคุณศัพท์ 3 ถึง 5 คำใดที่บรรยายแบรนด์คุณได้ดีที่สุด แบรนด์คุณเป็นนวัตกรรมแบบดั้งเดิม เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นความหรูหรา หรือเน้นครอบครัว
• คุณกำลังพยายามเข้าถึงใคร สีใดที่กลุ่มเป้าหมายมักชอบ สีใดที่อาจทำให้พวกเขารู้สึกไม่ชอบ
• คุณต้องการให้คนรู้สึกอย่างไรเมื่อคิดถึงแบรนด์ของคุณ

📚 เรียนรู้: อัตลักษณ์แบรนด์คืออะไร 6 องค์ประกอบสำคัญ

2. เลือกสีหลัก

ศึกษาความรู้สึกหรืออารมณ์ที่แต่ละสีสื่อสาร รวมถึงทฤษฎีจิตวิทยาของสี เช่น สีโทนอุ่น (แดง ส้ม เหลือง) มักให้ความรู้สึกกระตือรือร้น ดึงดูดความสนใจ ขณะที่สีโทนเย็น (น้ำเงิน เขียว ม่วง) มักสร้างความรู้สึกสงบและเป็นมืออาชีพ

วิเคราะห์ว่าสีใดที่คู่แข่งใช้ คุณอาจเลือกให้สอดคล้องกับมาตรฐานของอุตสาหกรรม หรือเลือกแตกต่างเพื่อสร้างความโดดเด่น เมื่อตัดสินใจเลือกสีแล้ว ทดลองเฉดและโทนต่างๆ เพื่อหาสีที่เหมาะกับแบรนด์ที่สุด เช่น คุณอาจเลือกสีน้ำเงินเป็นสีหลัก แต่โทนสีของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างมากขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกน้ำเงินอ่อนแบบเย็นหรือสีน้ำเงินเข้มแบบอินดิโก้

3. เลือกสีรอง

สีรองทำงานร่วมกับสีหลักเพื่อสร้างโทนสีเว็บไซต์ให้สมบูรณ์ หากคุณไม่ได้ทำงานกับนักออกแบบที่คุ้นเคยกับกฎการผสมสี มีแนวทางให้เลือกดังนี้

• สีเสริม: สีตรงข้ามบนวงล้อสี เช่น น้ำเงินกับส้ม
• สีใกล้เคียง: สีที่อยู่ติดกันบนวงล้อสี เช่น น้ำเงิน น้ำเงิน-เขียว เขียว
• สีสามเหลี่ยม: สีสามสีที่เว้นระยะเท่าๆ กันบนวงล้อสี เช่น แดง เหลือง น้ำเงิน

ควรเลือกเพียงหนึ่งถึงสองสีรอง สามารถใช้สีได้สูงสุดห้าสี แต่ระวังอย่าใช้หลายเกินไปเพราะอาจทำให้สับสน

💡 เคล็ดลับ: ใช้เครื่องมือสร้างพาเลตสี เช่น Adobe Color เพื่อสร้างโทนสีเว็บไซต์สำหรับแบรนด์ของคุณ

4. กำหนดสีพื้นหลัง

สีพื้นหลังเป็นฉากหลังให้กับทุกองค์ประกอบบนเว็บไซต์ เป้าหมายคือทำให้เนื้อหาของคุณโดดเด่นโดยไม่ทำให้รู้สึกล้นตา

หลายแบรนด์ใช้สีพื้นหลังอ่อนเพื่อสื่อถึงความสะอาดและความง่ายต่อการเลื่อนดู สีพื้นอ่อนยังช่วยให้สายตาสบายขึ้น แต่ไม่ได้เป็นกฎตายตัว บางแบรนด์ใช้พื้นหลังสีเข้มเพราะให้ประสบการณ์ที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ

ลองวางเนื้อหาตัวอย่างบนพื้นหลังเพื่อให้แน่ใจว่าสีไม่บดบังข้อมูลจริง

5. เลือกสีของตัวอักษร

สีตัวอักษรควรมีความต่างกับสีพื้นหลังสูง เพื่อให้อ่านง่าย ตรวจสอบความคมชัดด้วยเครื่องมือ WebAIM Contrast Checker เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับมาตรฐานการเข้าถึงเว็บไซต์

ใช้สีตัวอักษรเดียวกันทั่วเว็บไซต์สำหรับข้อความหลัก คุณสามารถใช้สีแตกต่างสำหรับหัวข้อหรือข้อความพิเศษได้ แต่ควรใช้ให้สม่ำเสมอเช่นกัน

สร้างประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีกว่าด้วยโทนสีเว็บไซต์ที่เหมาะสม

การเลือกโทนสีเว็บไซต์เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง ลองผสมผสานสีหลายแบบและรับความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อหาสิ่งที่เหมาะสม สีต่างๆ ควรทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและสอดคล้องกับแบรนด์ของคุณบนโลกออนไลน์