การฝากขายเป็นรูปแบบธุรกิจที่ฝ่ายหนึ่งขายสินค้าของอีกฝ่ายหนึ่ง (หรือที่เรียกว่าผู้ฝากขาย) โดยจะได้รับค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชั่น การขายแบบนี้กำลังได้รับความนิยมในวงการค้าปลีก เนื่องจากตลาดสินค้ามือสองกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ ตลาดสินค้ามือสองในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะมีมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2027 ซึ่งเติบโตเร็วกว่าเสื้อผ้าค้าปลีกทั่วไปถึง 9 เท่า เรียกได้ว่านี่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ประกอบการอย่างคุณเลยล่ะ
ไม่ว่าคุณกำลังคิดว่าจะขายสินค้าผ่านการฝากขาย หรือทำให้เพิ่มการฝากขายเป็นอีกแหล่งรายได้ใหม่ให้กับธุรกิจของคุณ เราก็เตรียมข้อมูลที่คุณต้องรู้เอาไว้ให้แล้ว บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจทุกเรื่องเกี่ยวกับการฝากขาย ตั้งแต่การทำงานไปจนถึงข้อดีและข้อเสีย
การฝากขายคืออะไร
การฝากขายเป็นโมเดลธุรกิจที่ร้านค้า (ผู้รับฝาก) ขายผลิตภัณฑ์ในนามของเจ้าของ (ผู้ฝากขาย) ในฐานะผู้ฝากขาย คุณจะนำสินค้าของคุณไปยังร้าน และร้านจะจัดการทุกอย่างที่เหลือ ซึ่งก็ได้แก่การจัดเก็บ การจัดการสต็อก และการขาย โดยจะมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการขาย (หรือบางครั้งอาจมีค่าธรรมเนียมที่ตายตัว)
สินค้าที่นิยมฝากขาย
การฝากขายเหมาะสำหรับสินค้าที่มีเอกลักษณ์ สินมือสอง หรือสินค้าสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยหมวดหมู่สินค้าที่นิยมฝากขายมีดังนี้
- เสื้อผ้าและรองเท้า
- อุปกรณ์กีฬาและอุปกรณ์ต่างๆ
- ของเล่นและอุปกรณ์สำหรับเด็ก
- ของเก่าและของสะสม
- เฟอร์นิเจอร์
- เครื่องดนตรี
- งานศิลปะ
- เครื่องประดับ
ร้านฝากขายทำงานอย่างไร
ให้คุณมองว่าร้านฝากขายเป็นพันธมิตรในการขายของคุณ พวกเขาจะแสดงสินค้าของคุณ ทำการตลาดให้กับผู้ที่น่าจะเป็นลูกค้า และจัดการรายละเอียดการขายทั้งหมด เมื่อสินค้าขายได้ คุณและร้านก็จะได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่ และแบ่งผลประโยชน์นั้นตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้
ปกติแบ่งกำไรกันอย่างไร
ร้านฝากขายส่วนใหญ่จะเก็บค่าคอมมิชชั่นระหว่าง 40% ถึง 60% ของราคาขาย ควรจำไว้ว่าทุกร้านมีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน การแบ่งกำไรขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของร้านและปริมาณการขาย ร้านที่มีชื่อเสียงอาจขอแบ่งกำไรที่มากขึ้น แต่พวกเขาอาจขายสินค้าของคุณได้เร็วขึ้น
คุณสามารถฝากขายอะไรได้บ้าง
ร้านฝากขายมักมองหาสินค้าที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการ แต่ควรจำไว้ว่า พวกเขามักมีพื้นที่จำกัดและต้องการให้สต็อกเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง นี่คือสิ่งที่พวกเขามักพิจารณา:
- ความเชี่ยวชาญของพวกเขา: ร้านส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่สินค้าสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม ไลน์ผลิตภัณฑ์ หรือแบรนด์
- สินค้าที่ขายดี: พวกเขาต้องการสินค้าที่มีแนวโน้มจะขายได้เร็ว
- คุณภาพ: บางร้านจะรับเฉพาะสินค้าที่อยู่ในสภาพดี ในขณะที่บางร้านอาจรับสินค้าที่ต้องการการดูแลเล็กน้อย
- ความน่าสนใจตามฤดูกาล: ผู้รับฝากที่ชาญฉลาดจะรู้จักปรับสต็อกตามความต้องการในแต่ละฤดูกาล
ใครเป็นเจ้าของสินค้า
เรื่องนี้สำคัญมาก ในข้อตกลงการฝากขายส่วนใหญ่ คุณจะยังคงเป็นเจ้าของสินค้าจนกว่าจะขายได้ ซึ่งแตกต่างจากการค้าปลีกทั่วไปที่ร้านจะซื้อสินค้าของคุณก่อนที่จะขายให้กับลูกค้า
ข้อดีของการฝากขาย
การฝากขายมีข้อดีหลายประการสำหรับทั้งผู้ฝากขายและผู้รับฝาก ดังนี้
ข้อดีสำหรับผู้ฝากขาย
- ไม่ต้องมีหน้าร้าน: เมื่อคุณขายผ่านการฝากขาย คุณไม่จำเป็นต้องสร้างรายการในตลาดหรือดูแลหน้าร้านออนไลน์
- มีคนจัดการเรื่องการตลาดให้: ธุรกิจฝากขายจะรับผิดชอบเรื่องการหาลูกค้าด้วยตัวเอง ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องยุ่งยากในการสร้างกลยุทธ์การตลาด
- โลจิสติกส์ที่ง่ายขึ้น: ผู้รับฝากมักจะจัดการการจัดส่งและการส่งมอบ และอาจจัดการการเก็บสินค้าของคุณด้วย
ข้อดีสำหรับผู้รับฝาก
- กระแสเงินสดที่ดีขึ้น: คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินสำหรับสินค้าล่วงหน้า เพราะคุณสามารถคือสินค้าที่ขายไม่ได้ให้กับผู้ฝากขายได้ เมื่อสินค้าขายได้ คุณสามารถชำระเงินตามเงื่อนไขของคุณเองได้
- สร้างฐานลูกค้าที่ภักดี: พัฒนาชื่อเสียงในการจัดหาสินค้าที่เป็นที่ต้องการและดูฐานลูกค้าที่มีแรงจูงใจให้เติบโตขึ้น
ความท้าทายในการฝากขายที่ควรคำนึงถึง
แม้ว่าการฝากขายจะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณา ดังนี้
ข้อเสียสำหรับผู้ฝากขาย
- ค่าธรรมเนียมสูง: คุณอาจได้รับรายได้ที่น้อยกว่าการขายตรง ให้กับผู้ซื้อ เนื่องจากร้านฝากขายมักจะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสูง
- การชำระเงินล่าช้า: เตรียมใจตกลงเงื่อนไขการชำระเงิน ที่อาจหมายถึงการรอคอยเงินที่อาจกินเวลานานได้เลย
- มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้จำกัด: เมื่อฝากขาย คุณอาจพลาดโอกาสในการเก็บข้อมูลลูกค้าหรือข้อมูลการขาย ที่มีค่า
ข้อเสียสำหรับผู้รับฝาก
- ความไม่แน่นอนของซัพพลาย: ธุรกิจของคุณขึ้นอยู่กับผู้ฝากขายในการจัดหาสินค้าอย่างต่อเนื่อง
- การจัดการสต็อกที่ซับซ้อน: คุณจะต้องมีพื้นที่ในการจัดเก็บ จัดระเบียบ และปกป้องสินค้าที่มีมูลค่าซึ่งคุณไม่ได้เป็นเจ้าของ
เรื่องราวความสำเร็จจากการฝากขาย
การฝากขายได้รับความนิยมในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่นายหน้าประมูล ไปจนถึงบริษัทนำเข้าเลยทีเดียว
มาดูธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากโมเดลการฝากขายกัน
แกลเลอรีศิลปะ
แกลเลอรีศิลปะเป็นตัวอย่างคลาสสิกของธุรกิจฝากขาย ศิลปิน (ผู้ฝากขาย) มอบงานศิลปะของตนให้กับแกลเลอรี (ผู้รับฝาก) แกลเลอรีจะแสดงงานศิลปะ จัดการการตลาดและการขาย และรับค่าคอมมิชชั่นจากการขายแต่ละครั้ง ศิลปินยังคงเป็นเจ้าของงานจนกว่าจะขายได้
Rebag
Rebag กำลังเขย่าโลกการฝากขายสินค้าแบรนด์เนม เพราะมาพร้อมฟีเจอร์การซื้อและขายที่ยืดหยุ่น อาทิ การจ่ายเงินล่วงหน้า การแลกเปลี่ยนสินค้า และแผนการซื้อคืนที่ผู้ซื้อสามารถคืนสินค้าเพื่อรับเครดิตสำหรับการซื้อครั้งถัดไปได้
The RealReal
The RealReal เป็นแพลตฟอร์มการฝากขายออนไลน์สำหรับสินค้าแบรนด์เนมที่ได้รับการตรวจสอบว่าเป็นของจริง พวกเขารับสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายประเภทจากผู้ฝากขาย รวมถึงเสื้อผ้าแบรนด์เนม เครื่องประดับ นาฬิกา และของตกแต่งบ้าน The RealReal จัดการทุกอย่างตั้งแต่ข้อตกลงการฝากขาย ไปจนถึงการตั้งราคาและการขาย
การฝากขายใน eBay
ในขณะที่ eBay เป็นที่รู้จักในด้านการขายระหว่างบุคคล แต่ก็มีบริการฝากขายสำหรับสินค้าบางประเภท เช่น กระเป๋าแบรนด์เนม ผู้ขายสามารถส่งสินค้าของตนไปยังแพลตฟอร์มซึ่งจะทำการตรวจสอบสินค้า วางขาย ขาย และจัดส่ง เมื่อสินค้าขายได้ ผู้ฝากขายจะได้รับส่วนแบ่งจากกำไร
การชำระเงินจากการฝากขายทำงานอย่างไร
การฝากขายนำเสนอรูปแบบการชำระเงินที่เป็นประโยชน์สำหรับทั้งผู้ขายและร้านค้า ข้อตกลงในการฝากขายโดยปกติแล้วจะเป็นดังนี้
- คุณนำสินค้าของคุณไปยังร้านฝากขาย
- ร้านตกลงที่จะขายในนามของคุณ
- คุณทั้งสองฝ่ายลงนามในข้อตกลงที่ระบุเงื่อนไขการขาย
การฝากขายจะแตกต่างจากร้านค้าปลีกทั่วไปตรงที่ ร้านจะไม่ซื้อสินค้าของคุณล่วงหน้า แต่จะแสดงสินค้าและทำการตลาดให้กับลูกค้าของตน และทั้งสองฝ่ายจะได้ผลประโยชน์จากการขาย
องค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างการชำระเงินคือ
- การแบ่งรายได้: คุณจะตกลงกันว่าจะหารายได้จากราคาขายอย่างไร (เช่น 60% สำหรับคุณ 40% สำหรับร้าน)
- ระยะเวลาการชำระเงิน: โดยทั่วไปคุณจะได้รับส่วนแบ่งภายใน 30 วันหลังจากการขาย
ถ้าสินค้าของคุณขายได้ คุณจะได้รับเงินโดยไม่ต้องยุ่งยากในการเปิดร้าน ในขณะที่ร้านก็ทำกำไรโดยไม่มีความเสี่ยงจากสินค้าที่ขายไม่ออก หากไม่ขาย คุณมักจะไม่ต้องจ่ายอะไร และร้านจะส่งคืนสินค้าของคุณ
การ “ฝากขายเท่านั้น” หมายถึงอะไร
“การฝากขายเท่านั้น” หมายถึงการจัดการขายที่คุณยังคงเป็นเจ้าของสินค้าจนกว่าจะขายได้ คุณมอบสินค้าของคุณให้กับร้านหรือแพลตฟอร์ม (ผู้รับฝาก) เพื่อทำการตลาดและขายในนามของคุณ
โมเดลนี้ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในวงการแฟชั่น ศิลปะ และของเก่า มันช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ชมที่กว้างขึ้นโดยไม่ต้องเปิดร้านของตัวเอง ในขณะที่ผู้รับฝากสามารถเสนอสินค้าที่หลากหลายโดยไม่ต้องลงทุนล่วงหน้า
การฝากขายเหมาะกับคุณหรือไม่
แค่เห็นตัวเลขก็บอกได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าการฝากขายกำลังบูมสุดๆ
- รายงาน ปี 2023 ของ ThredUp คาดว่าการขายเสื้อผ้ามือสองในสหรัฐอเมริกาจะมีมูลค่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2027 ซึ่งเติบโตเร็วกว่าเสื้อผ้าค้าปลีกทั่วไปถึง 3 เท่า
- รายงานยังพบว่า 1 ใน 3 ของการซื้อเสื้อผ้าในปีที่ผ่านมาเป็นสินค้ามือสอง
- รายงาน Recommerce ปี 2024 ของ eBay แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภค 70% ทั่วโลกวางแผนที่จะซื้อสินค้ามือสองในปีนี้
ผู้ซื้อ Gen Z และมิลเลนเนียลกำลังขับเคลื่อนแนวโน้มนี้ โดยให้ความสำคัญกับสินค้ามือสองทั้งในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม การฝากขายตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้โดยการให้สินค้ามีอายุการใช้งานที่สองและลดขยะ
การฝากขาย โซลูชันที่ยืดหยุ่นสำหรับยุคที่หมุนไว
ในเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ทั้งผู้ขายรายบุคคลและธุรกิจต่างก็หันมาใช้การฝากขาย เพื่อสร้างรายได้เสริมหรือขยายสินค้าที่ตนเองจำหน่าย แม้ว่าจะไม่ใช่โซลูชันที่เหมาะกับทุกคน แต่การฝากขายสามารถเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ถ้าคุณ
- ไม่มีหน้าร้านจริง
- ต้องการทดลองสายผลิตภัณฑ์ใหม่โดยไม่ต้องลงทุนในสต็อกจำนวนมาก
- ต้องการเข้าถึงตลาดสินค้ามือสองที่กำลังเติบโต
ไม่ว่าคุณจะขายแฟชั่น สินค้าหรู หรือสินค้าประเภทอื่น การฝากขายอาจช่วยมอบความหวังที่น่าพอใจในตลาดปัจจุบันให้คุณได้ เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงและอาจช่วยเพิ่มผลกำไรของคุณได้ด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฝากขาย
ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการขายฝากขายมีอะไรบ้าง
แม้ว่าการขายฝากขายจะมีกำไร แต่ก็มีข้อเสียบางประการ เช่น สินค้าอาจไม่ขายได้เร็วอย่างที่คุณต้องการ หรืออาจเกิดความเสียหายขณะอยู่ในความดูแลของร้าน คุณอาจได้รับรายได้น้อยกว่าที่คาดหวังหากราคาตลาดเปลี่ยนแปลง เป็นต้น
ร้านฝากขายแตกต่างจากร้านมือสองอย่างไร
ความแตกต่างหลักอยู่ที่โมเดลธุรกิจ ร้านฝากขายมักเป็นธุรกิจที่มุ่งหวังผลกำไรซึ่งแบ่งรายได้จากการขายกับผู้ฝากขาย ในขณะที่ร้านมือสองมักทำงานในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและอาศัยสิ่งของบริจาคมาขายเป็นสินค้า
ความแตกต่างระหว่างการรีเซลและการฝากขายคืออะไร
ในโมเดลธุรกิจรีเซล ร้านจะซื้อสินค้าล่วงหน้าและขายในราคาที่สูงขึ้น ในขณะที่การฝากขาย คุณยังคงเป็นเจ้าของสินค้าจนกว่าจะขายได้ และจากนั้นจะแบ่งรายได้กับร้าน
เราสามารถเรียกคืนสินค้าจากร้านฝากขายได้หรือไม่
ได้แน่นอน เนื่องจากคุณยังคงเป็นเจ้าของจนกว่าจะขายได้ คุณสามารถขอคืนสินค้าของคุณได้ทุกเมื่อ โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในข้อตกลงกับร้าน เมื่อมีการขาย สินค้าจะถูกโอนกรรมสิทธิ์จากคุณไปยังผู้ซื้อโดยตรง
ถ้าฝากสินค้าไปขาย แล้วขายไม่ออก จะทำยังไงได้บ้าง
ร้านส่วนใหญ่มีนโยบายสำหรับสินค้าที่ขายไม่ออก พวกเขาจะส่งคืนให้คุณหรือบริจาคให้กับการกุศลหลังจากระยะเวลาที่กำหนด หากคุณยินยอม
จะเลือกร้านฝากขายที่เหมาะกับสินค้าของเราได้ยังไง
ทำการบ้านของคุณให้ดี ศึกษาตลาดเป้าหมายของร้าน สินค้าที่พวกเขารับฝาก และเงื่อนไขของพวกเขา พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น สถานที่ ชื่อเสียง และวิธีการตั้งราคาในสินค้าที่คล้ายกัน อย่าลังเลที่จะถามคำถาม พันธมิตรฝากขายที่ดีจะยินดีอธิบายกระบวนการของพวกเขาให้คุณเข้าใจ


