การเลือกชื่อโดเมนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างตัวตนออนไลน์และสร้างแบรนด์ของคุณ มันไม่ใช่แค่ที่อยู่เว็บไซต์ แต่สะท้อนตัวตนและภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณ
เมื่อต้องเลือกชื่อโดเมน มีหลายสิ่งที่ควรพิจารณา ชื่อฟังดูเป็นอย่างไร พิมพ์ง่ายหรือไม่ กระตุ้นความรู้สึกอย่างไร ควรรวมคำหลัก SEO หรือใช้ชื่อแบรนด์ตรง ๆ ดีหรือไม่
นี่คือ 12 เคล็ดลับที่จะช่วยคุณหาชื่อโดเมนที่เกี่ยวข้อง ราคาเหมาะสม และวางรากฐานสำหรับการเปิดธุรกิจออนไลน์หรือเว็บไซต์ส่วนตัวของคุณ
12 วิธีเลือกชื่อโดเมน
- เลือกชื่อโดเมนสั้น จำง่าย และสะท้อนแบรนด์
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหมายขีดกลางและตัวเลข
- เลือกโดเมน .com
- ตรวจสอบส่วนขยายโดเมนระดับบนที่เกี่ยวข้อง
- ใส่คีย์เวิร์ด SEO ในชื่อโดเมน
- ใช้เครื่องมือสร้างชื่อโดเมนเพื่อหาไอเดีย
- ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของชื่อโดเมนที่ต้องการ
- เลือกชื่อโดเมนที่รองรับการเติบโตของแบรนด์
- คำนึงถึงฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของโดเมน
- ตรวจสอบเงื่อนไขการต่ออายุโดเมน
- มองหาโดเมนมือสองในตลาดซื้อขาย
- ซื้อชื่อโดเมนหลายๆ ชื่อ
1. เลือกชื่อโดเมนให้สั้น จำง่าย และสะท้อนแบรนด์
เมื่อเลือกชื่อโดเมน ให้สั้น ง่ายต่อการสะกดและออกเสียง และต้องเกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหมายขีดกลางและตัวเลข
พิจารณาใส่คำหลักเฉพาะกลุ่ม และตรวจสอบว่าชื่อโดเมนพร้อมใช้งานก่อนตัดสินใจสุดท้าย เป้าหมายคือชื่อเว็บไซต์ที่จำง่ายและชัดเจนว่าธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร
ลองทำตามนี้
- ให้ชื่อโดเมนสั้นกว่า 15 ตัวอักษร
- หลีกเลี่ยงคำที่สะกดยาก
- หลีกเลี่ยงการสะกดแบบไม่ปกติ เช่น ใช้ “U” แทน “you”
- หลีกเลี่ยงการรวมคำที่อาจทำให้สับสน เช่น “Children’s wear” กลายเป็น “childrenswear”
ตัวอย่างเช่น ร้านค้าออนไลน์ของ Los Angeles County Museum of Art ใช้ชื่อโดเมน thelacmastore.org ชื่อนี้ตรงกับแบรนด์ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นวิธีเลือกใช้ชื่อโดเมนที่สั้นและจำง่าย นอกจากนี้ยังหลีกเลี่ยงการเกิดการรวมตัวอักษรที่ไม่เหมาะสม หากใช้ชื่อเต็มของร้านโดยไม่เว้นวรรค เช่น thelacountymuseumofartstore.org
บางแบรนด์ อย่างเช่น Biko ใช้วิธีสร้างสรรค์ชื่อโดเมนด้วยการเพิ่มวลีที่มีบริบทหรือคำขยาย ชื่อโดเมน ilovebiko.com ช่วยให้ผู้เข้าชมเข้าสู่แนวคิดของแบรนด์ตั้งแต่แรกที่เข้ามา นี่เป็นวิธีฉลาดในการใส่แบรนด์ลงในชื่อโดเมนเมื่อชื่อแบรนด์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถจดทะเบียนเป็นโดเมนได้
2. หลีกเลี่ยงการใช้ขีดกลางและตัวเลข
คนเรามักพิมพ์ผิดอยู่บ่อยๆ ลดความเสี่ยงที่ผู้เข้าชมจะสะกดชื่อโดเมนของคุณผิดโดยไม่ใส่ขีดกลางและตัวเลข
การหลีกเลี่ยงตัวเลขและขีดกลางยังช่วยให้ชื่อโดเมนเป็นมิตรต่อผู้ใช้และเหมาะกับมือถือ เวลาพิมพ์ URL บนโทรศัพท์ คุณต้องสลับระหว่างคีย์บอร์ดตัวอักษรและตัวเลข ซึ่งเพิ่มโอกาสผิดพลาด การสะกดผิด และความหงุดหงิด
วิธีเลือกชื่อโดเมนของคุณ ถ้าจะให้ดีควรพยายามหลีกเลี่ยง
- การรวมตัวเลขกับคำ เช่น c00ld0main.com
- ขีดกลาง เช่น cool-domain.com
- การย่อคำ เช่น kldomain4u.com
- ตัวอักษรซ้ำ เช่น coolesttopdomain.com
ข้อยกเว้นคือถ้าชื่อแบรนด์ของคุณมีตัวเลข เช่น แบรนด์เสื้อผ้า 3sixteen ใช้ชื่อโดเมน 3sixteen.com ซึ่งสอดคล้องกับแบรนด์ โซเชียลมีเดีย และสินค้า ในกรณีนี้ ชื่อโดเมนสามารถระบุได้ชัดเจนและมีเอกลักษณ์ ทำให้ผู้ซื้อไม่สับสนกับตัวเลข
3. เลือกชื่อโดเมน .com
เมื่อเลือกชื่อโดเมนที่เหมาะสม จะมีการถกเถียงกันว่าชื่อโดเมนแบบใดจะทำให้มีผู้เข้าชมมากที่สุด ส่วนขยาย .com เป็นที่นิยมและน่าเชื่อถือที่สุด โดยประมาณ 44% ของเว็บไซต์ใช้โดเมนนี้
อย่างไรก็ตาม ก็มีเหตุผลที่จะเลือกใช้ส่วนขยายอื่น เช่น ถ้าคุณสามารถซื้อโดเมน .net ในราคาต่ำกว่า 3,000 บาท ขณะที่เวอร์ชัน .com ขายเป็นหมื่นบาท ในกรณีเช่นนี้ก็อาจสมเหตุสมผลที่จะเลือก .net แทน
4. ตรวจสอบส่วนขยายโดเมนระดับบนที่เกี่ยวข้อง
หลังจากค้นหาในผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมนที่ดีที่สุด คุณอาจพบว่าชื่อที่ต้องการใช้ไม่สามารถจดทะเบียนด้วยส่วนขยาย .com ได้
ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่ต้องกังวล มีส่วนขยายหรือโดเมนระดับบน (TLD) อื่น ๆ มากมาย ซึ่งเป็นคำต่อท้ายโดเมนที่สามารถบอกใบ้เกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บไซต์คุณได้
- .shop: ส่วนขยายโดเมนที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
- .store: ตัวเลือกที่ดีสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและร้านค้าออนไลน์
- .co: ทางเลือกระดับโลกแทน .com สำหรับทุกภาษาและวัฒนธรรม
- .org: เหมาะสำหรับธุรกิจไม่แสวงหากำไร เพื่อให้โดดเด่น
- .trade: ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ค้าส่งหรือร้านค้า B2B
- .“city”: เหมาะสำหรับธุรกิจออฟไลน์ในเมืองใดเมืองหนึ่ง เช่น .london หรือ .boston
- .clothing หรือ .boutique: เหมาะกับแบรนด์เสื้อผ้า
หากคุณขายสินค้านอกสหรัฐอเมริกา ให้ลองหาส่วนขยายโดเมนรหัสประเทศ (ccTLD) ที่ว่างอยู่ แม้ว่าบางผู้ให้บริการจดทะเบียนอาจต้องการให้คุณมีถิ่นพำนักในพื้นที่นั้นเพื่อใช้ ccTLD ตัวอย่างเช่น ร้านเสื้อผ้าของอินเดีย Suta ใช้ส่วนขยาย .in แทน .com ชื่อโดเมนยังคงสะอาดและจดจำง่าย และสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องคิดมาก
หากกลุ่มเป้าหมายของคุณอ่านสคริปต์ที่ไม่ใช่ตัวอักษรละติน เช่น อารบิก จีน หรือซีริลลิก พิจารณาใช้ Internationalized Domain Name (IDN) ที่อยู่เว็บของคุณจะแสดงในเบราว์เซอร์เป็นตัวอักษรท้องถิ่น ซึ่งช่วยเพิ่มการจดจำในตลาดท้องถิ่นโดยไม่ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์โดเมน
ก่อนเลือกใช้ TLD เฉพาะกลุ่ม ให้ตรวจสอบแนวโน้มการละเมิดและชื่อเสียง เนื่องจากบางส่วนขยายมีอัตราการใช้งานในทางที่ผิดสูง ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้ งานวิจัยล่าสุด (ต.ค. 2024 – มี.ค. 2025) ของ Spamhaus พบว่าบาง TLD เช่น .top และ .xin มีระดับการละเมิดสูง
หาก TLD ที่คุณต้องการอยู่ในรายการที่มีการละเมิดสูง เราขอแนะนำให้พิจารณาทางเลือกอื่น
5. ใส่คีย์เวิร์ด SEO ในชื่อโดเมน
ในชื่อโดเมนของคุณ ให้ลองใช้คีย์เวิร์ดที่ผู้เข้าชมพิมพ์ลงในเครื่องมือค้นหาเพื่อหาบริษัทหรือเว็บไซต์ของคุณ สิ่งนี้ช่วยสัญญาณไปยังเสิร์ชเอนจินว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร
ตัวอย่างเช่น หากคุณขายเสื้อผ้า คำว่า “clothing” อาจใช้ในชื่อโดเมนได้:
- Sunday + clothing = sundayclothing.com
- Diane’s + candles = dianescandles.com หรือ candlesbydiane.com
- Cosmik + masks = cosmikmasks.com
ตัวอย่างที่ดีคือ Verve Coffee Roasters แบรนด์กาแฟจากซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย เลือกใช้ชื่อโดเมน vervecoffee.com ซึ่งครอบคลุมทั้งแบรนด์และคีย์เวิร์ดกว้าง ๆ และง่ายต่อการจดจำ
การใส่คีย์เวิร์ดในโดเมนอาจไม่เหมาะสมเสมอไป คุณอาจต้องคิดสร้างสรรค์กับชื่อโดเมนเพื่อให้เหมาะสม และควรให้คีย์เวิร์ดเข้ากับชื่อโดเมนอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะนี่เป็นกลยุทธ์ด้านแบรนด์มากกว่าการทำ SEO โดยตรง
เริ่มจากคีย์เวิร์ดกว้าง ๆ ที่แทนสินค้าของคุณ แล้วรวมเข้ากับชื่อบริษัทเพื่อทดลองไอเดียชื่อโดเมนสำหรับแบรนด์ของคุณ
6. ใช้เครื่องมือสร้างชื่อโดเมนเพื่อหาไอเดีย
รู้สึกติดขัดในการเลือกชื่อโดเมนหรือไม่? ลองใช้เครื่อมือสร้างชื่อโดเมนฟรีของ Shopify ใส่คีย์เวิร์ดลงไป เครื่องมือนี้จะแสดงตัวเลือกโดเมนยอดนิยมหลายสิบชื่อที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด ซึ่งคุณสามารถใช้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับธุรกิจของคุณ
7. ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของชื่อโดเมนที่ต้องการ
วิธีเลือกชื่อโดเมนขั้นตอนต่อมา คุณควรตรวจสอบว่าชื่อนั้นถูกจดทะเบียนไปแล้วหรือไม่ คุณสามารถใช้เครื่องมือค้นหาชื่อโดเมนของ Shopify เพื่อตรวจสอบความพร้อมใช้งาน อีกวิธีที่ใช้กันทั่วไปคือเครื่องมือ RDAP Lookup ของ ICANN ซึ่งเดิมเรียกว่า WHOIS
ก่อนตัดสินใจจดโดเมน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีธุรกิจอื่นใช้ชื่อที่คล้ายกัน:
- ค้นหาลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า: เข้าไปที่ USPTO.gov และตรวจสอบฐานข้อมูลเครื่องหมายการค้าว่ามีใครจดทะเบียนชื่อที่คล้ายกันหรือไม่
- ตรวจสอบโซเชียลมีเดีย: ค้นหาใน Instagram, Facebook, TikTok และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบว่าชื่อของคุณว่างหรือไม่ ซึ่งจะมีประโยชน์เมื่อต้องเริ่มทำการตลาดบนโซเชียล
- ค้นหาใน Google: พิมพ์ชื่อที่คุณต้องการลงไปเพื่อตรวจสอบว่ามีโดเมนอื่นที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณหรือไม่
8. เลือกชื่อโดเมนที่รองรับการเติบโตของแบรนด์
เลือกชื่อโดเมนที่กว้างพอสำหรับการขยายหรือการทำสินค้าหลากหลายในอนาคต ตัวอย่างเช่น ร้านดอกไม้ อาจถูกจำกัดด้วยโดเมน “cityflowers.com” หากในอนาคตต้องการขายสินค้าประเภทอื่น แทนที่จะใช้ชื่อโดเมนแบบนั้น ควรเลือกชื่อแบรนด์อย่าง “cityblooms.com” ที่รองรับสินค้าที่เกี่ยวข้องหลากหลาย
สังเกตว่าร้านต้นไม้ The Old Yew (theoldyew.com) มีวิธีเลือกชื่อโดเมนที่สะท้อนแบรนด์มากกว่าสินค้า ทำให้ร้านมีพื้นที่ขยายแบรนด์ไปในทิศทางต่าง ๆ
หากคุณเริ่มต้นธุรกิจ การใช้ซับโดเมนของ Shopify (.myshopify.com) ช่วยให้เริ่มต้นได้โดยไม่เสียค่าโดเมน เมื่อธุรกิจเติบโต ค่อยลงทุนในโดเมนเฉพาะของ Shopify และยังได้ซับโดเมนเพิ่มฟรี เพื่อสร้างตัวตนแบรนด์ออนไลน์อย่างเต็มที่
9. คำนึงถึงฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของโดเมน
ผู้ให้บริการจดโดเมนส่วนใหญ่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น ความเป็นส่วนตัว RDAP ที่ช่วยซ่อนข้อมูลส่วนตัวของคุณจากฐานข้อมูลสาธารณะ โดยระบบจะแทนที่ข้อมูลของคุณด้วยข้อมูลของบริการตัวแทน
นอกจากนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโดเมนที่คุณเลือกมาพร้อมใบรับรอง SSL ซึ่งเข้ารหัสข้อมูลที่แลกเปลี่ยนระหว่างเว็บไซต์ของคุณกับผู้เข้าชม เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้
ผู้ให้บริการจดโดเมน เช่น Shopify มักมีฟีเจอร์เหล่านี้เป็นมาตรฐาน เพื่อเสริมความปลอดภัยให้เว็บไซต์ของคุณ
10. ตรวจสอบตัวเลือกการต่ออายุโดเมน
ระวังผู้ให้บริการที่เสนอราคาจดโดเมนเริ่มต้นต่ำ เพราะอาจเรียกเก็บค่าต่ออายุในอัตราที่สูงกว่า ตรวจสอบเงื่อนไขเกี่ยวกับค่าต่ออายุและขั้นตอนการต่ออายุของโดเมน ตั้งเตือนวันต่ออายุเพื่อป้องกันการสูญเสียโดเมนโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อธุรกิจของคุณ
ผู้ให้บริการบางรายมีตัวเลือกต่ออายุอัตโนมัติ เพื่อให้คุณไม่พลาดการต่ออายุโดเมนในเวลาที่กำหนด
11. มองหาโดเมนมือสองในตลาด
หากชื่อโดเมนที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์ของคุณถูกจดทะเบียนแล้ว ลองค้นหาในเว็บไซต์ประมูลหรือแพลตฟอร์มตลาดโดเมนมือสอง
แพลตฟอร์มเหล่านี้เสนอชื่อโดเมนที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ยังอาจมีความน่าเชื่อถือหรือข้อได้เปรียบด้าน SEO จากอายุและประวัติของโดเมน หากคุณซื้อโดเมน ผู้ขายจะเริ่มกระบวนการโอนโดเมนเพื่อย้ายสิทธิ์ความเป็นเจ้าของไปยังบัญชีของคุณ
หากตัดสินใจซื้อโดเมนมือสอง ตรวจสอบประวัติของโดเมนเพื่อหลีกเลี่ยงโทษด้าน SEO ที่เกิดจากการใช้งานผิดพลาดในอดีต
12. ซื้อชื่อโดเมนหลายๆ ชื่อ
การเป็นเจ้าของโดเมนหลายชื่อช่วยปกป้องแบรนด์ของคุณ รองรับการสะกดผิดที่พบบ่อย และรองรับการใช้งานในหลายภูมิภาค
ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจของคุณขยายไปต่างประเทศ การจดโดเมนเฉพาะประเทศอย่าง .co, .uk หรือ .de จะเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ การเป็นเจ้าของชื่อโดเมนที่มักสะกดผิดจากโดเมนหลัก สามารถป้องกันไม่ให้คู่แข่งได้ลูกค้าจากการพลาดเข้าเว็บไซต์
ด้วย Shopify คุณสามารถตั้งโดเมนหนึ่งเป็นโดเมนหลัก และทำการรีไดเรกต์โดเมนอื่นๆ มาที่โดเมนหลัก ทำให้ผู้เข้าชมเข้าถึงเว็บไซต์หลักได้ง่ายขึ้น
บทบาทของชื่อโดเมนที่ดีต่อแบรนด์
โดเมนที่มีแบรนด์ตรงกับชื่อธุรกิจของคุณ ช่วยให้คนค้นหาคุณออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
หากลูกค้าที่ภักดีต้องการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณโดยตรง พวกเขาสามารถพิมพ์ชื่อแบรนด์แล้วเบราว์เซอร์จะเติมที่เหลือให้อัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น การพิมพ์คำว่า “gym” ในแถบค้นหา Chrome อาจแนะนำเว็บไซต์ gymshark.com ให้
โดเมนที่มีแบรนด์ยังช่วยให้ผู้ใช้เชื่อถือเว็บไซต์ของคุณ ผู้คนส่วนใหญ่คาดหวังว่าโดเมนของธุรกิจจะตรงกับชื่อแบรนด์ หากคุณส่งคนไปที่ viktorshandmadebikes.com แต่ร้านชื่อ Vik’s Bike Bits คนจะไม่แน่ใจว่าเว็บไซต์นั้นเป็นของคุณ
“เราทุกคนรู้ว่าชื่อโดเมนสั้นและจดจำง่ายส่วนใหญ่ถูกจดทะเบียนไปแล้ว” Dave Smyth นักออกแบบ UX/UI อิสระกล่าว “หลายธุรกิจแก้ปัญหานี้โดยการเพิ่มบางอย่างไว้หน้าชื่อบริษัทในโดเมน เช่น wearecompany.com
“คำแนะนำโดเมนที่ผมชอบคือทำตรงข้าม ใช้ชื่อบริษัทก่อน แล้วค่อยเพิ่มบางอย่างข้างหลัง เช่น companyhq.com เพราะผู้เข้าชมเว็บไซต์มักเริ่มพิมพ์ชื่อบริษัทในแถบที่อยู่ หากโดเมนเริ่มด้วยชื่อบริษัท มีโอกาสสูงที่เบราว์เซอร์จะเติมให้อัตโนมัติ ทำให้เข้าถึงเว็บไซต์ง่ายขึ้น”
ทำยังไง ถ้าชื่อโดเมนที่คุณอยากได้ดันถูกจดไปแล้ว?
อีกหนึ่งข้อสังเกตของวิธีเลือกชื่อโดเมน เพราะบางครั้งชื่อโดเมนที่ใช่สำหรับคุณอาจถูกธุรกิจอื่นจดไปแล้ว หากเกิดเหตุการณ์นี้ มีตัวเลือกที่คุณสามารถทำได้ดังนี้
พยายามซื้อต่อจากเจ้าของ
ขึ้นอยู่กับว่าโดเมนถูกใช้งานอยู่หรือไม่ อาจสามารถซื้อมาได้โดยตรง เจ้าของบางรายเป็นธุรกิจที่ถือครองโดเมนจำนวนมากอยู่แล้วและพร้อมจะเจรจาขาย
หากชื่อโดเมนที่คุณต้องการถูกจดไปแล้ว ลองค้นหาข้อมูลเจ้าของผ่านฐานข้อมูล RDAP แล้วติดต่อเพื่อเจรจาซื้อ นอกจากนี้ยังมีบริการนายหน้าซื้อขายโดเมนที่สามารถช่วยจัดการการเจรจาแทนคุณได้ด้วย
เลือกใช้ชื่อที่แตกต่างเล็กน้อย
ถ้าชื่อแบรนด์แบบตรงตัวไม่ว่างแล้ว ลองระดมความคิดหาชื่อที่เป็นเวอร์ชันดัดแปลงจากต้นฉบับ อาจสลับคำหรือต่อเติมเพื่อสร้างชื่อใหม่ เช่น ถ้า katysimons.com ถูกที่ปรึกษาด้าน IT จดไปแล้ว คุณอาจใช้ katysimonsprints.com หรือ ksimonsillustrates.com สำหรับธุรกิจงานวาดภาพแทน
อีกวิธีคือเลือกจด TLD ที่อิงกับพื้นที่ตั้งธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นแบบเจาะจงเมือง (.nyc, .cdmx) หรือแบบประเทศ (.co.uk, .mx, .de) วิธีนี้ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าในประเทศนั้น ๆ ได้ง่ายขึ้น และยังมีผลดีต่อการจัดอันดับการค้นหาในตลาดต่างประเทศด้วย
ถ้าคุณทำร้านค้าออนไลน์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้รูปแบบ [shop] + [ชื่อแบรนด์].com เช่น ร้านตกแต่งบ้าน Horne ใช้ชื่อโดเมนว่า shophorne.com
หากคุณยืดหยุ่นพอที่จะปรับชื่อแบรนด์ ลองใช้ตัวช่วยอย่าง Business Name Generator เพื่อหาชื่อที่แตกต่างพร้อมโดเมนที่ว่างอยู่ให้เลือกจดได้ทันที
ลองใช้โดเมนระดับบนอื่นๆ
หากชื่อโดเมนของคุณไม่สามารถจดทะเบียนได้ด้วยนามสกุล .com ให้เลือกใช้ TLD อื่นที่ได้รับความนิยมและมีความเกี่ยวข้องแทน หากโดเมน .com ปัจจุบันไม่ได้ถูกจดเครื่องหมายการค้าหรืออยู่ในกลุ่มธุรกิจใกล้เคียง คุณสามารถจดโดเมนโดยใช้นามสกุล .co, .shop, .biz หรือ TLD ที่น่าเชื่อถืออื่น ๆ ได้
คุณสามารถตรวจสอบว่าโดเมนแบบไหนกำลังมาแรงได้จากเว็บไซต์อย่าง Domain Name Stat ซึ่งคุณสามารถดูโดเมนที่มียอดขายสูงสุดและ TLD ที่เติบโตเร็วที่สุดเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
หากต้องการดูว่า TLD ขนาดเล็กหรือ TLD เฉพาะกลุ่มแบบใดที่ควรหลีกเลี่ยง ให้ตรวจสอบได้จาก Spamhaus เครื่องมือที่วิเคราะห์ TLD ที่มีชื่อเสียงแย่ที่สุด เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะสามารถสร้างโดเมนที่น่าเชื่อถือได้
จดทะเบียนชื่อโดเมนสุดเพอร์เฟคของคุณกับ Shopify
ชื่อโดเมนไม่ใช่แค่ที่อยู่เว็บในเบราว์เซอร์ของใครบางคนเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนขยายของบริษัทและแบรนด์ของคุณอีกด้วย โดเมนมีบทบาทสำคัญในการวางตำแหน่งแบรนด์และการนำเสนอธุรกิจของคุณสู่โลกดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบล็อกหรือการขายสินค้าออนไลน์
ชื่อโดเมนของคุณไม่จำเป็นต้องตรงกับชื่อแบรนด์อย่างสมบูรณ์ หากชื่อที่คุณต้องการถูกใช้ไปแล้ว ให้ใช้วิธีเลือกชื่อโดเมนที่เรียบง่าย จดจำได้ง่าย และสะท้อนถึงวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ของคุณ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีเลือกชื่อโดเมน
ส่วนขยายชื่อโดเมนใดดีที่สุด
ส่วนขยาย .com ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ เพราะเป็นที่พบได้บ่อย น่าเชื่อถือ และจดจำได้ง่าย เวลาผู้ใช้ไม่สามารถจำ URL ได้ พวกเขามักจะเดาว่ามันลงท้ายด้วย .com อย่างไรก็ตาม อาจมีส่วนขยายอื่นที่เหมาะสมกว่าสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ ตัวอย่างเช่น ส่วนขยาย .org มักเชื่อมโยงกับองค์กรไม่แสวงหากำไรและการกุศล ในขณะที่ส่วนขยาย .edu สงวนไว้สำหรับสถาบันการศึกษา
จะเลือกชื่อโดเมนที่ดีได้อย่างไร
- เลือกชื่อโดเมนให้สั้นและจดจำง่าย
- หลีกเลี่ยงการใช้ขีดกลางและตัวเลข
- เลือกใช้ส่วนขยายโดเมน .com
- ใช้คีย์เวิร์ดเพื่อช่วยในด้านการทำ SEO
- ใช้เครื่องมือสร้างชื่อโดเมนเพื่อหาไอเดียใหม่ ๆ
ชื่อโดเมนที่ยาวถือว่าไม่ดีหรือไม่
ชื่อโดเมนที่ยาวอาจทำให้ผู้ใช้งานจำและพิมพ์ได้ยาก หากชื่อโดเมนสะกดซับซ้อนเกินไป ก็อาจสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้ใช้ได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อโดเมนที่ซับซ้อนและยาวเกินไป
จะซื้อชื่อโดเมนแบบถาวรได้หรือไม่
ไม่มีใครสามารถซื้อชื่อโดเมนได้แบบถาวร การจดทะเบียนชื่อโดเมนจะเป็นลักษณะต่ออายุเป็นระยะ อาจจะเป็นหนึ่งปี หรือสามารถชำระล่วงหน้าเพื่อจดทะเบียนในระยะเวลาที่นานกว่านั้นก็ได้
มีวิธีเลือกชื่อโดเมนฟรีหรือไม่
แพลตฟอร์มอย่าง Shopify มีบริการซับโดเมนฟรี ซึ่งเป็นที่อยู่เว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้โดเมนหลัก เมื่อคุณเปิดร้านค้าบน Shopify คุณสามารถสร้างซับโดเมนฟรีที่ลงท้ายด้วย .myshopify.com ได้ วิธีนี้ช่วยให้คุณมีตัวตนออนไลน์ได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
ชื่อโดเมนราคาเท่าไหร่
ราคาของชื่อโดเมนมีหลายราคามากๆ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ส่วนขยายของโดเมน ความนิยมของคีย์เวิร์ด และราคาที่กำหนดโดยผู้ให้บริการจดโดเมน โดยทั่วไปแล้ว โดเมนมาตรฐานแบบ .com มักมีราคาอยู่ประมาณ 340 - 680 บาทต่อปี แต่สำหรับโดเมนพรีเมียมที่ประกอบด้วยคีย์เวิร์ดยอดนิยม ราคาสามารถสูงขึ้นไปถึงหลักหมื่นหรือหลักล้านได้
จะมีวิธีเลือกชื่อโดเมนที่น่าสนใจได้อย่างไร
- ใช้เครื่องมือสร้างชื่อโดเมน
- ลองใช้ส่วนขยายโดเมนอื่นนอกจาก .com
- ค้นหาโดเมนพรีเมียมในตลาดออนไลน์
- ติดต่อเจ้าของโดเมนที่ถูกจดไปแล้วเพื่อลองซื้อ
- หลีกเลี่ยงเครื่องหมายขีดกลางและตัวเลข
- ทำให้สะกดง่ายและจำง่าย
- ใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเว็บไซต์
วิธีได้ชื่อโดเมนปังๆ ต้องทำยังไง?
- ซื้อโดเมนพรีเมียมจากเจ้าของปัจจุบัน
- ตรวจสอบการประมูลโดเมน
- ทำให้โดเมนจำง่ายและน่าจดจำ
- ลองใช้ชื่อโดเมนแบบเวอร์ชันปรับแต่ง
- หลีกเลี่ยงอักขระพิเศษ
- ใส่คีย์เวิร์ด SEO ที่เกี่ยวข้อง
- หลีกเลี่ยงคำที่มักสะกดผิด


